Business

ดีลใหญ่รอบ 20 ปี ! BYD ซื้อที่ดิน WHA 600 ไร่ ตั้งโรงงานผลิต EV passenger Car แห่งแรกนอกจีน กำลังผลิต 1.5 แสนคัน/ปี เริ่มผลิตปี2567

8

September

2022

8

September

2022

        WHA ผู้นำด้านนิคมอุตสาหกรรมของไทย ประกาศลงนามในสัญญาซื้อขายที่ดินครั้งใหญ่กับ BYD ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน จำนวน 600 ไร่ ในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอระยอง 36 ซึ่งถือเป็นดีลที่ใหญ่ที่สุดในรอบ 20 ปีของ WHA หนุนไทยสู่ฮับอีวีในอาเซียน โดย BYD จะสร้างโรงงานผลิตรถยนต์นั่งไฟฟ้าพวงมาลัยขวาที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ด้วยกำลังการผลิต 150,000 คันต่อปี คาดว่าจะเริ่มผลิตได้ในปี 2567 ทำตลาดในไทย และส่งออกไปยังประเทศต่าง ๆ ในกลุ่มอาเซียนและยุโรป

         หลิว เสวียเลี่ยง ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายขายประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท บีวายดีออโต้ อินดัสทรี จำกัด กล่าวว่า การเปิดโรงงานผลิตแห่งใหม่ที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอระยอง 36 ครั้งนี้ ถือเป็นโรงงานผลิตรถยนต์นั่งส่วนบุคคลพลังงานไฟฟ้า (EV passenger Car) ในต่างประเทศแห่งแรกของ BYD ซึ่งตัดสินใจเลือกประเทศไทย เนื่องจากมีศักยภาพความพร้อมในด้านการเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาค อีกทั้งยังมีตลาดผู้บริโภคในประเทศที่มีขนาดใหญ่ มีศักยภาพในการเติบโต  รวมถึงนโยบายสนับสนุนที่ดีจากภาครัฐ  โดยล่าสุด คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ได้อนุมัติส่งเสริมการลงทุนโครงการขนาดใหญ่มูลค่า 17,891 ล้านบาท ให้กับบริษัทบีวายดี (ประเทศไทย) สำหรับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (BEV) และรถยนต์ไฟฟ้าแบบผสมเสียบปลั๊ก (PHEV)

รถ  BYD Atto 3 ซึ่ง BYD เตรียมทำตลาดรุ่นแรกในไทย

        “หลังจากที่ได้ทำการค้นหาและคัดเลือกอย่างละเอียด ประเทศไทยและนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง 36 ได้กลายเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบ เนื่องจากทำเลที่ตั้งและชื่อเสียงของบริษัทในฐานะผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมชั้นนำของภูมิภาค  โครงการอีอีซีและนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง36 มีสิ่งที่เรามองหา ทั้งทำเลที่ตั้งอันโดดเด่น ทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพ ระบบสาธารณูปโภคและบริการระดับเวิลด์คลาส รวมไปถึงการขนส่งและโครงสร้างพื้นฐานคุณภาพสูง นอกจากนั้นแล้ว WHA ยังมีบทบาทสำคัญในการขยายคลัสเตอร์ยานยนต์ในอีอีซีด้วย  สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการลงทุนของBYD  และเราหวังว่าจะมีความสัมพันธ์ระยะยาวอันดีร่วมกับWHA ต่อไปในอนาคต”

           

        ด้านจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กาiเข้ามาลงทุนในประเทศไทย เพื่อตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแห่งแรกนอกประเทศจีนของ BYD ซึ่งเป็นเบอร์หนึ่งด้าน EV ของโลก ถือเป็นการตอกย้ำความเชื่อมั่นของต่างชาติ และศักยภาพของไทยในการเป็น Hub EV ทั้งในอาเซียนและระดับโลก Hub EV

        ปัจจุบัน WHA มีบริษัทรถ EV รายใหญ่จากจีนเข้ามาลงทุนตั้งโรงงานอยู่ในนิคมฯ ทั้งโรงงานผลิตรถ MG , Great  Wall Motor และรายล่าสุดคือ BYD ซึ่งจะส่งผลให้การลงทุนของ Supply Chain ต่าง ๆด้านยานยนต์ไฟฟ้าที่จะตามเข้ามาตั้งฐานผลิตในไทย  

        หลังจาก BYD ได้เข้ามาลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอระยอง 36 เรายังมองถึงการสร้างความร่วมมือระหว่างกัน เพื่อพัฒนาให้นิคมฯ แห่งนี้ เป็นต้นแบบ EV Cluster ในประเทศไทยที่มีความพร้อมในทุก ๆ ด้านของระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า(EV Ecosystem)  

        “การลงนามในสัญญาซื้อขายที่ดิน 600 ไร่ กับ BYD ครั้งนี้ถือเป็นดีลที่ใหญ่ที่สุดในรอบ 20 ปี ของ WHA รวมทั้งยังเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของภาคอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ในประเทศไทยด้วย  และยังเป็นการตอกย้ำจุดแข็งของประเทศไทย ที่ยังดึงดูดนักลงทุนอุตสาหกรรมรายใหญ่จากประเทศจีนและประเทศอื่น ๆ เพื่อก้าวสู่เป้าหมายการเป็นศูนย์กลางยานยนต์ไฟฟ้าในอาเซียน

นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอระยอง 36 ตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ในโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี)    

    

        สำหรับนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอระยอง 36 เป็นนิคมฯ แห่งใหม่ล่าสุดของ  WHA  ตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ใกล้ทางหลวงหมายเลข 36 และ 3375 ในจังหวัดระยอง และห่างจากท่าเรือน้ำลึกมาบตาพุดเพียง 25 กม. ท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง 31 กม. และสนามบินอู่ตะเภา23 กม. โดยมีพื้นที่เฟสแรกทั้งหมด 1,281ไร่ และเรายังได้เตรียมพื้นที่เฟส 2 อีกเกือบ 500 ไร่ เพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมEV และ Supply Chain ที่เชื่อว่าจะตามเข้ามาอีกจำนวนมาก” จรีพร กล่าว

        ทั้งนี้ ข้อตกลงการซื้อขายที่ดินระหว่าง WHA Group  และบริษัท บีวายดี (ประเทศไทย) ถือเป็นก้าวสำคัญของการก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศไทย  ปัจจุบัน บีโอไอได้อนุมัติโครงการยานยนต์ไฟฟ้าไปแล้ว 26 โครงการจาก 17 บริษัท คิดเป็นยอดกำลังการผลิตรถไฟฟ้า 830,000 คัน และคาดการณ์ว่าภายในต้นปี 2566 ประเทศไทยจะบรรลุเป้าหมายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจำนวน 1 ล้านคัน และภายในปี 2573 รถยนต์พลังงานไฟฟ้าจะมีสัดส่วน 30% ของการผลิตรถยนต์ทั้งหมดของประเทศไทยหรือ 700,000 คันต่อปี

Tags: