Focus

หอการค้าไทย-จีน นำทีม เข้าพบนายกรัฐมนตรี แพทองธาร เสนอประเด็นทางเศรษฐกิจไทย-จีนเพื่อการทำงานร่วมกัน

23

August

2024

23

August

2024

        เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2567 นายณรงค์ศักดิ์  พุทธพรมงคล ประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีน นำทีม เข้าพบ นายกรัฐมนตรี แพทองธาร  ชินวัตร และได้กล่าวแสดงความยินดีกับนางสาวแพทองธาร  ชินวัตร ที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ ดํารงตําแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 31 ของประเทศไทยและมีความเชื่อมั่นว่าในฐานะที่นางสาวแพทองธาร เป็นคนรุ่นใหม่ มีความรู้ความสามารถ มีความพร้อมและมีพลัง จะสามารถนําพาประเทศไทยให้มีความเจริญรุ่งเรืองสืบต่อไป

        นอกจากนี้ นายณรงค์ศักดิ์ ได้กล่าวถึงประเด็นที่เกี่ยวกับการค้าการลงทุนไทย-จีน ในขณะนี้ และมีข้อเสนอแนะด้านการค้าไทย-จีนดังนี้

1. ประเด็นการขาดดุลการค้าของประเทศไทยกับประเทศจีน

  • การที่ไทยขาดดุลการค้าจีนมาอย่างต่อเนื่องนั้นเป็นผลจากโครงสร้างสินค้านําเข้าของไทยจากจีน เป็นสินค้าทุนและสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสําเร็จรูป แต่โครงสร้างสินค้าส่งออกของไทยไปจีนเป็นสินค้าอุตสาหกรรมต่างๆและสินค้าเกษตรกรรม จึงส่งผลการขาดดุลการค้ากับจีน
  • อย่างไรก็ตามจีนยังคงเป็นตลาดส่งออกสินค้าเกษตรที่ใหญ่ที่สุดของไทยติดต่อกันหลายปี ซึ่งสินค้าเกษตรกรรมและสินค้าเกษตรแปรรูปของไทย ยังมีโอกาสที่จะขยายตัวในตลาดจีนได้อีก หากมีการเจาะตลาดรายมณฑลของจีนโดยเฉพาะมณฑลในภาคกลางและภาคตะวันตกของจีน ซึ่งมีกําลังซื้อเพิ่มสูงขึ้น
  • นอกจากนี้ ควรมีการประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีภายใต้กรอบความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-จีนและ กรอบความตกลงอาร์เซป เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของสินค้าไทยในตลาดจีน
  • อย่างไรก็ตาม หากมองอีกมุมหนึ่ง รัฐบาลจีนเองก็ได้สนับสนุนให้ไทยขยายการส่งออกไปยังตลาดจีนผ่านช่องทางต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยจีนได้เชิญไทยไปเข้าร่วมงานแสดงสินค้าต่างๆที่จัดขึ้นในประเทศจีน เพื่อประชาสัมพันธ์แบรนด์และสินค้าไทยหลายงานเช่น 1) ในงาน CIIE ครั้งที่ 6 ที่จัดขึ้นปีที่แล้ว การทำสัญญาซื้อขายของผู้แสดงสินค้าชาวไทยมีมูลค่าเกือบ4,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ 2) งาน China– ASEAN EXPO ที่หนานหนิง  จีนได้จัดบูทให้ประเทศไทยโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายมาตลอด20 ปี และ 3)งานแคนตันแฟร์ ที่กว่างโจว โดยในรอบ 67 ปีนับแต่เริ่มจัดงาน มีนักธุรกิจไทยเข้าร่วมงานและจัดซื้อสินค้าเฉลี่ยมากกว่า 7,000 รายต่อปี

2. ประเด็นสินค้าจีนราคาถูกทุ่มตลาดไทย

  • หากเป็นสินค้าที่ต้องมีมาตรฐานบังคับใช้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องต้องมีความเข้มงวด เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค (ควรให้สินค้าที่มีมาตรฐานเท่านั้น)
  • หากเป็นการทุ่มตลาดผู้ประกอบการไทยที่ได้รับผลกระทบ กระทรวงพาณิชย์อาจพิจารณาใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดต่อสินค้าเหล่านั้น

3. ประเด็นการจําหน่ายสินค้าผ่านทางแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ชข้ามพรมแดน (Cross-Border E-Commerce) ที่มีราคาถูก

  • ตัวอย่างเช่น เทมู (Temu) ซึ่งเป็นรูปแบบการค้าจากผู้ผลิตถึงผู้บริโภคโดยตรง (หรือ บี ทู ซี :B2C) ทําให้สามารถขายสินค้าได้ราคาถูกลง
  • สําหรับประเด็นนี้ ประเทศไทยอาจพิจารณากฎระเบียบของประเทศจีนที่ใช้กํากับผู้บริโภคชาวจีนที่สั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศผ่านทางแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ชข้ามพรมแดนโดยจีน มีการกําหนดมูลค่าการสั่งซื้อแต่ละครั้ง ไม่เกิน 5,000 หยวนต่อครั้งต่อคน และกําหนดมูลค่าการสั่งซื้อรวมทั้งปี ไม่เกิน 26,000 หยวนต่อคนที่ไม่ต้องเสียภาษีนําเข้าและเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเพียง 70% ของอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่เรียกเก็บจริง
  • อย่างไรก็ตามแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเป็นรูปแบบธุรกิจใหม่ที่สร้างทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคมากขึ้น หากรัฐบาลมีมาตรการควบคุมที่เหมาะสมก็จะทำให้เราสามารถใช้ประโยชน์จากช่องทางนี้สร้างรายได้ให้กับประเทศได้มากขึ้นยกตัวอย่าง เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2566 ซิมบ้า หรือ ชื่อภาษาจีน คือ 辛巴(ซิน ปา นักไลฟ์ขายของออนไลน์ชาวจีนได้ไลฟ์ขายสินค้าในประเทศไทยให้กับผู้บริโภคชาวจีน ซึ่งมียอดขายมูลค่าประมาณ 4.1 พันล้านบาท
  • หอการค้าไทย-จีน มีความเห็นว่าผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะเอสเอ็มอี สามารถใช้ประโยชน์จากช่องทางแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน เพื่อนําสินค้าเข้าสู่ตลาดจีนโดยเฉพาะระดับมณฑลของจีน ได้สะดวก และเป็นโอกาสในการขยายการส่งออกสินค้าไทยอีกช่องทางหนึ่ง [ สําหรับประเด็นนี้รัฐบาลอาจพัฒนาผู้ประกอบการไทยเป็นเจ้าของเครือข่ายพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เป็นของตนเองหรือ รัฐบาลอาจสนับสนุนให้ ผู้ประกอบการไทยร่วมมือกับผู้ประกอบการจีน - หมายเหตุ:เป็นผลจากการสํารวจดัชนี ความเชื่อมั่นหอการค้าไทย-จีน ไตรมาส 4/2567]

ด้านการลงทุน

  • ตามข้อมูลจาก BOI ในปี 2022-2023 มีวิสาหกิจจีนยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนเกือบ 7,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยปี 2022 เพิ่มขึ้น 101% และปี 2023 เพิ่มขึ้น 109% วิสาหกิจด้านโทรคมนาคมของจีนได้ช่วยไทยสร้างเครือข่าย 5G เชิงพาณิชย์เป็นครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  ทำให้สัญญาณอินเทอร์เน็ตครอบคลุมพื้นที่ในประเทศไทย 84%
  • นอกจากนี้ยังมีวิสาหกิจด้านยานยนต์ไฟฟ้าจากจีนกว่า 7แห่งได้เข้ามาลงทุนในไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีมูลค่าการลงทุนเกิน 90,000 ล้านบาท
  • การลงทุนของวิสาหกิจจีนในประเทศไทย  ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นของไทย  ยกตัวอย่างเช่น  
  • (1)ตามที่กฎหมายไทยได้กำหนดว่า วิสาหกิจจีนที่ลงทุนในไทยจะต้องจ้างพนักงานที่เป็นคนไทย 4 คนก่อน จึงจะสามารถจ้างคนจีน 1 คนได้  และผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่วิสาหกิจจีนผลิตในไทยจะต้องนำมาเพิ่มมูลค่าในประเทศไทยมากกว่า 40 % ก่อนจึงจะได้รับใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า ดังนั้นหากจะกล่าวว่าวิสาหกิจจีนมาลงทุนในไทยแล้วใช้แต่วัตถุดิบมาจากจีน  ใช้แรงงานจากจีน ก็ไม่เป็นความจริงเสียทั้งหมดยกตัวอย่างเช่น เขตอุตสาหกรรมระยองไทย-จีนซึ่งเป็นแหล่งรวบรวมโรงงานการผลิตมีมูลค่าการผลิตรวมมากกว่า 30,000ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสินค้า 80% เป็นการส่งออกจึงช่วยกระตุ้นการส่งออกของไทยมากกว่า 3000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี2566 อีกทั้งช่วยให้มีการจ้างงานในท้องถิ่นมากกว่า55,000 คน

การปิดกิจการของธุรกิจไทย

  • เมื่อเร็ว ๆ นี้มีการแสดงความคิดเห็นกันมากมายเกี่ยวกับการปิดตัวของธุรกิจไทยหลายคนคิดว่าสาเหตุมาจากผลิตภัณฑ์และการลงทุนของจีน
  • อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลเดือนมกราคมถึงเดือนพฤษภาคมปีนี้ มีโรงงาน 488 แห่งปิดตัวลงแต่ในขณะเดียวกัน ก็มีการก่อตั้งโรงงานใหม่ 848 แห่ง ซึ่งการลงทุนในโรงงานที่ปิดตัวไปคิดเป็นจำนวน14 พันล้านบาท ในขณะที่ การลงทุนในโรงงานที่จัดตั้งใหม่คิดเป็น 149.8 พันล้านบาท  
  • ในด้านของการจ้างงาน การปิดโรงงานส่งผลให้มีการว่างงาน 12,551 ตำแหน่งในขณะที่โรงงานที่จัดตั้งใหม่มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 33,787 ตำแหน่ง
  • สำหรับประเด็นนี้ รัฐบาลควรให้ความสนใจและพยายามแก้ไขปัญหาแรงกดดันทางการแข่งขันที่ผู้ประกอบการต้องเผชิญภายใต้กลไกการตลาดรัฐบาลต้องกำกับดูแลเพื่อป้องกันการละเมิดกฎหมายและกฎระเบียบอย่างเข้มงวด  

4. ประเด็นการประกอบธุรกิจของชาวจีนในประเทศไทยโดยใช้นอมินี

ด้านการดำเนินธุรกิจที่มิชอบด้วยกฎหมาย

  • สําหรับประเด็นนี้ หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องควรมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดโปร่งใสและเป็นธรรม
  • หอการค้าไทย-จีน ก็พยายามให้ข้อมูลและความรู้แก่ผู้ประกอบการชาวจีนที่จะเข้ามาทําธุรกิจในประเทศไทยให้ถูกต้องตามกฎหมาย
  • ในส่วนของรัฐบาลจีน ก็ได้มีนโยบายให้วิสาหกิจและพลเมืองของตนปฏิบัติตามกฎหมายของประเทศที่ไปลงทุนหรือทำธุรกิจอย่างเคร่งครัด ซึ่งจีนให้การสนับสนุนฝ่ายไทยในการสืบสวนและจัดการกับผู้กระทำความผิดตามกฎหมายเพื่อเสริมสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจให้เป็นไปตามหลักนิติธรรม

        สุดท้ายนี้หอการค้าไทย-จีน เป็นที่รวมของนักธุรกิจไทยเชื้อสายจีน นักธุรกิจชาวจีน และชาวจีนโพ้นทะเล ก่อตั้งมาเป็นเวลา 114 ปีและยังคงบทบาทเป็นสะพานเชื่อมความสัมพันธ์ไทย-จีน ในทุกมิติยินดีให้การสนับสนุนรัฐบาล เพื่อดําเนินนโยบายทั้งทางเศรษฐกิจและสังคมให้สําเร็จลุล่วง เพื่อความผาสุกของประเทศชาติโดยรวม นายณรงค์ศักดิ์ กล่าว

Tags:
No items found.