Focus

หอการค้าไทย-จีน เผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่น ไตรมาส 4/2567

30

August

2024

30

August

2024

ผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย-จีน ไตรมาส 4/2567 การค้าโดยพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เป็นโอกาสที่ดีต่อการขยายการส่งออกไทย เล็งเห็นว่ารัฐบาลควรสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยและผู้ประกอบการจีนร่วมมือในการพัฒนาโครงสร้างพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์

        นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการ หอการค้าไทย-จีน เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยจีนประจำไตรมาสที่4 ปี 2567 ระหว่างวันที่ 15 ถึง 21 สิงหาคม ที่ผ่านมา โดยผู้ตอบการสำรวจประกอบด้วย ประธานคณะกรรมการกิตติมศักดิ์ คณะกรรมการบริหาร และกรรมการหอการค้าไทยจีนผู้บริหารและกรรมการสหพันธ์หอการค้าไทยจีนและกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ของหอการค้าไทยจีนอีก เป็นจำนวนทั้งหมด 485 คน ที่ตอบแบบสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นดังกล่าว

        คำถามในครั้งนี้มีสองส่วนด้วยกัน ในส่วนแรกเกี่ยวข้องกับการค้าผ่านสื่อพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์และในส่วนที่สองเป็นคำถามที่เกี่ยวกับสถานการณ์การค้าของไทย โอกาสความร่วมมือกับจีนและข้อเสนอแนะต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย

นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการ หอการค้าไทย-จีน

        การค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เป็นสื่อกลางสำคัญในการเชื่อมโยงการค้าขายระหว่างผู้ค้าและลูกค้าและพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์นั้นสามารถพิจารณาได้ว่าเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายของประเทศไทยร้อยละ  43 ของผู้ตอบแบบสอบถาม คิดว่าการค้าด้วยพาณิชอิเล็กทรอนิกส์ยังไม่เป็นโอกาสต่อการส่งออกของสินค้าไทย ที่การค้าระหว่างประเทศยังไม่พึ่งพาระบบพาณิชย์อีเล็กทรอนิกส์เพราะสินค้าไทยที่ส่งออกส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุตสาหกรรมและยังอาจจะเป็นเพราะสินค้าไทยอีกส่วนมาจากการรับจ้างผลิตที่มีคู่ค้าต่างประเทศอยู่แล้วส่วนร้อยละ 38 ให้ความเห็นว่าการค้าโดยพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เป็นโอกาสที่ดีเพราะไทยสามารถพึ่งพาการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของจีนเพื่อการส่งออกได้เพราะเป็นโอกาสในการเข้าสู่ตลาดได้ทั้งตลาดจีนและตลาดอื่นๆในภูมิภาค

        เนื่องด้วยพาณิชอิเล็กทรอนิกส์เติบโตอย่างรวดเร็วและน่าเป็นโอกาสการทำตลาดของไทยในบางสินค้า ร้อยละ 48.5 ของผู้ตอบแบบสอบถามเล็งเห็นว่ารัฐบาลควรสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยให้มีความร่วมมือกับผู้ประกอบการจีนในการพัฒนาโครงสร้างพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในขณะที่ร้อยละ 25 ของผู้ตอบแบบสอบถามเสนอข้อคิดเห็นว่ารัฐบาลควรพัฒนาผู้ประกอบการไทยให้เป็นเจ้าของเครือข่ายพาณิชอิเล็กทรอนิกส์ของตัวเอง

        ในส่วนของการนำเข้านั้นการซื้อขายผ่านแพลตฟอร์ม Temu ที่เป็นข่าวนั้น พอจะสรุปได้ว่าผู้ตอบแบบสอบถามมีจำนวนถึงร้อยละ 85 ที่เคยได้ยิน Temu (1) จำนวนร้อยละ39 ของผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด ที่เคยสั่งซื้อไปแล้วโดยแบ่งเป็นร้อยละ 24 ของผู้ตอบแบบสอบถามและครอบครัวเคยสั่งซื้อแล้วและมีความประทับใจทั้งราคาและคุณภาพ แต่ก็มีร้อยละ 15ของผู้ตอบแบบสอบถาม ตอบว่าได้สั่งซื้อแต่ไม่ประทับใจในคุณภาพ (2) อีกส่วนหนึ่ง ร้อยละ 46 ของผู้ตอบแบบสอบถาม ที่ได้รับทราบเรื่องการซื้อสินค้าผ่านTemu แต่ยังไม่เคยสั่งซื้อ แบ่งเป็นร้อยละ 32 ของผู้ตอบแบบสอบถาม ได้ยินเรื่องการค้าผ่าน Temu แต่ยังไม่คิดจะสั่งซื้อและ ร้อยละ 14 เคยได้ยินและคาดว่ากำลังจะสั่งซื้อ (3) มีเพียงส่วนน้อยร้อยละ 15ของผู้ตอบแบบสอบถามไม่เคยได้ยินการค้าผ่านเครือข่าย Temu  

        ในภาพรวมแล้วสรุปได้ว่าการค้าด้วยพาณิชอิเล็กทรอนิกส์มีความสำคัญสำหรับผู้ค้าชาวไทย และในระยะสั้นความร่วมมือใกล้ชิดกับจีนน่าจะผลักดันการค้าของไทยในตลาดโลกได้นอกจากนั้นผู้ประกอบการไทยที่เป็นรายย่อยยังสามารถใช้ประโยชน์จากช่องทางพาณิชอิเล็กทรอนิกส์เพื่อนำสินค้าเข้าสู่ตลาดจีนได้ในระดับมณฑลส่วนการรุกของจีนด้วย Temu นั้นต้องมีการติดตามอย่างใกล้ชิด และเฝ้าระวังการทุ่มตลาด

        การคาดการณ์การประกอบธุรกิจของไทยในประเทศในไตรมาสสุดท้ายของปี 2567 ร้อยละ  29.8 ของผู้ตอบแบบสอบถามคาดว่าผลประกอบการของธุรกิจที่ค้าขายในประเทศในไตรมาสสุดท้ายของปี 2567เมื่อเทียบกับไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 จะชะลอตัวลง ขณะที่ร้อยละ 25คาดว่าจะดีขึ้น แต่เป็นที่น่าสนใจว่า ร้อยละ 20.7ที่ให้ความคิดเห็นว่าสถานการณ์ปัจจุบันไม่สามารถคาดการณ์อนาคตได้

        ส่วนการคาดการณ์การส่งออกของสินค้าไทยไปยังตลาดโลกในไตรมาสสุดท้ายของปี 2567 ร้อยละ 27.4ของผู้ตอบแบบสอบถามคาดว่าผลประกอบการของธุรกิจที่ค้าขายในประเทศในไตรมาสสุดท้ายของปี 2567เมื่อเทียบกับไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 จะชะลอตัวลง ขณะที่ร้อยละ 27.2 คาดว่าจะดีขึ้น ซึ่งมีจำนวนผู้ตอบใกล้เคียงกันมากระหว่างชะลอตัวลงและดีขึ้น แต่ยังมีร้อยละ 20.9 ที่ให้ความคิดเห็นว่าสถานการณ์ปัจจุบันไม่สามารถคาดการณ์อนาคตได้

        แม้ว่าเสียงส่วนใหญ่คาดว่าธุรกิจที่ค้าขายในประเทศและการส่งออกจะชะลอตัวลงในไตรมาสที่สี่ ของปี 2567 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2566ก็มีผู้ตอบแบบสอบถามในจำนวนที่ใกล้เคียงกันคาดว่าผลประกอบการน่าจะดีขึ้นอีกทั้งยังมีอีกส่วนหนึ่งที่กล่าวว่าสถานการณ์ปัจจุบันไม่สามารถคาดการณ์อนาคตได้สรุปได้ว่า ยังไม่สามารถฟันธง ผลประกอบการในไตรมาสที่สี่ในปีนี้โดยเปรียบเทียบกับไตรมาสสี่ปีที่ผ่านมาได้อย่างชัดเจน

       เมื่อพิจารณาพิจารณาถึงสถานการณ์โลกในปัจจุบันที่จีนมีบทบาทมากขึ้นในตลาดโลก คำถามที่สำคัญคือความร่วมมือระหว่างไทยและจีนเพื่อการค้าในตลาดโลกจะทำอย่างไร ผู้ตอบแบบสอบถามเสนอว่า (1) สนับสนุนให้อาเซียนกับจีนมีความร่วมมือกันโดยให้ไทยนั้นมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงเพราะไทยมีความได้เปรียบทางภูมิภาค  (2) ให้ไทยและจีนร่วมมือกันในการลงทุนและผลิต เพื่อมุ่งไปสู่การส่งสินค้าอุตสาหกรรมออกไปยังกลุ่มประเทศตะวันตก

        การค้าโลกในปัจจุบันการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมซับซ้อนและมีมูลค่าเพิ่มสูงต้องพึ่งพาห่วงโซ่การผลิตนานาชาติกล่าวได้ว่าในการผลิตสินค้าหนึ่งต้องพึ่งพาการผลิตในหลายประเทศ  ดังนั้นหุ้นส่วนทางการค้าระหว่างไทยและจีนและอาเซียนและจีนที่มีไทยเป็นจุดเชื่อมโยง จะเป็นการสร้างเสริมประโยชน์ร่วมกันหากได้จีนมาเป็นพันธมิตรทางการค้าที่ดีทั้งนี้ควรอาศัยความสัมพันธ์ตามกรอบข้อตกลงการค้าเสรีอาเซียนและจีน และกรอบข้อตกลงRCEPจะทำให้ปริมาณการค้าจะเพิ่มพูน (Trade Creation) ทั้งสินค้าทุน สินค้ากึ่งสำเร็จรูป และวัตถุดิบ สรุปได้ว่าทั้งสองประเด็นที่นำเสนอเป็นเรื่องสำคัญ ที่ควรมีการบริหารและจัดการอย่างเร่งด่วน

        ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมอีกประเด็นหนึ่งคือการผลักดันสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปของไทยเข้าสู่ตลาดจีนด้วยวิธีการเจาะตลาดรายมณฑลโดยเฉพาะมณฑลในภาคกลางและภาคตะวันตกของจีนที่มีกำลังซื้อสูง

        ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจไทยที่มีโอกาสจะซบเซานั้นผู้ตอบแบบสอบถามมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบายต่อภาครัฐ โดยให้ความสำคัญของข้อเสนอแนะ 4ประการ ตามลำดับดังนี้ (1) สนับสนุนให้ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อผลิตสินค้าต่างๆ(2) ส่งเสริมให้มีการพัฒนาโครงสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานเพื่อผลิตสินค้าและบริการและการอำนวยความสะดวกทางการตลาด (3) ส่งเสริมให้มีนวัตกรรมใหม่สำหรับอุตสาหกรรมใหม่และมีการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาและ (4) มาตรการลดต้นทุนทางการเงินของระบบธนาคารพาณิชย์แก่ผู้ประกอบการ นายณรงค์ศักดิ์ กล่าว

        การค้าระหว่างประเทศไทยและจีนช่วง 7 เดือนแรกของปี2567 มีมูลค่าการค้ารวม 66,148 ล้านเหรียญสหรัฐขยายตัว 6.43%  มีสัดส่วน18.68% ของมูลค่าการค้ารวมของไทย  ส่วนการส่งออกของไทยไปยังจีนมีมูลค่า 20,549 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวเพียง 0.30% และการนำเข้าของไทยจากจีนมีมูลค่า 44,599 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 9.52% เนื่องจากการนำเข้าสินค้าทุน ขยายตัวที่18.34% เช่น (1) เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ  และ (2) เครี่องจักรกลและส่วนประกอบส่งผลให้ไทยขาดดุลการค้ากับประเทศจีน มูลค่า 24,050 ล้านเหรียญสหรัฐ

Tags:
No items found.