Education

ม.มหิดล ร่วมกับ สกสว. และ NSFC สาธารณรัฐประชาชนจีน ลุยสำรวจวงปีไม้และหินงอก ปกป้องล่มสลายอารยธรรมมนุษย์ จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

4

June

2022

2

June

2022

        รายงานข่าวจากมหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า ผศ.ดร.โชติกา เมืองสง อาจารย์ผู้สอนด้านนิเวศวิทยาและวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม ประจำหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชานวัตกรรมการจัดการสังคมและสิ่งแวดล้อม โครงการจัดตั้งวิทยาเขตอำนาจเจริญ มหาวิทยาลัยมหิดล  คว้ารางวัลการวิจัยแห่งชาติประจำปีงบประมาณ 2565 รางวัลผลงานวิจัยระดับดี สาขาวิทยาศาสตร์กายภาพและคณิตศาสตร์จากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) จากผลงานวิจัย "ความผันแปรของลมมรสุมฤดูร้อนในทวีปเอเชียสมัยโฮโลซีน : การศึกษาเพื่อสังเคราะห์ข้อมูลที่บันทึกในหินงอกและวงปีไม้จากประเทศไทยและจีน" ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนวิจัยจาก สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(สกสว.) และ National Natural Science Foundation of China (NSFC) สาธารณรัฐประชาชนจีน

ผศ. ดร.โชติกา เมืองสง อาจารย์ประจำหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชานวัตกรรมการจัดการสังคมและสิ่งแวดล้อม โครงการจัดตั้งวิทยาเขตอำนาจเจริญ มหาวิทยาลัยมหิดล รางวัลการวิจัยแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ 2565 รางวัลผลงานวิจัยระดับดี สาขาวิทยาศาสตร์กายภาพและคณิตศาสตร์  สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)

        ทั้งนี้ ผศ.ดร.โชติกา เมืองสง ในฐานะหัวหน้าโครงการวิจัยฯ ได้ร่วมกับ รศ.ดร.นาฏสุดาภูมิจำนงค์ อาจารย์ประจำคณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาวงปีไม้ของไทย และ Prof.Dr.Binggui Cai จาก สาธารณรัฐประชาชนจีน ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาหินงอก พร้อมด้วย ดร.สุภาภรณ์ บัวจันทร์ นักศึกษาหลังปริญญาเอกชาวไทย ลงพื้นที่สำรวจวงปีไม้และหินงอกจากประเทศไทย และสาธารณรัฐประชาชนจีน จนสามารถค้นพบถึงสาเหตุสำคัญของการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ (Climatechange) สำคัญของโลก

        โดยพบว่าจากการศึกษาความกว้างของวงปีไม้สามารถสืบค้นถึงปริมาณน้ำฝนย้อนหลังไปได้นับพันปี โดยวงปีไม้ 1 วง สามารถแสดงถึงปริมาณน้ำฝนที่ตกใน1 ปีได้ว่า มีความอุดมสมบูรณ์ หรือแห้งแล้งเพียงใด

       นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ตัวแปร "ออกซิเจนไอโซโทป"ที่อยู่ในเซลลูโลสของวงปีไม้ เพื่อศึกษาย้อนหลังถึงสภาพอากาศรายเดือน หรือรายฤดูกาลได้ และนอกจากวงปีไม้แล้วนั้น ยังสามารถดูสภาพการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศย้อนหลังไปได้อีกนับหมื่นปีซึ่งอยู่ในช่วง "โฮโลซีน" (Holocene) ที่ต่อจากปลายยุคน้ำแข็งใหม่ของประวัติศาสตร์โลกจากข้อมูลชั้นหินงอก ซึ่งมีจุดกำเนิดที่ยาวนานกว่า แต่ก็พบความยากในการแปลผล เนื่องจากหินงอกมีจำนวนน้อยและมีความแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่

        ทั้งนี้ สาเหตุที่จีนเลือกศึกษาในไทย เนื่องจากอยู่ในพื้นที่โลกที่มีฤดูกาลที่ชัดเจนกว่า จึงทำให้สามารถพบหินงอกที่มีรูปแบบของวงชัดเจนมากกว่า นอกจากนี้ไทยอยู่ในช่วงรอยต่อของเขตพื้นที่มรสุม ระหว่างมหาสมุทรอินเดีย และแปซิฟิก จึงพบว่ามีสภาพภูมิอากาศที่ซับซ้อนมากกว่าหินที่พบจึงมีลักษณะที่ไม่เหมือนที่ใด ๆ ในโลก

        จุดเด่นของงานวิจัยอยู่ที่ผลการศึกษาที่สามารถดูปริมาณน้ำฝนย้อนหลังไปได้ถึงกว่า3 ศตวรรษ ซึ่งยาวนานกว่าการใช้เครื่องวัดปริมาณน้ำฝนอัตโนมัติโดยทั่วไปที่ดูย้อนหลังได้เพียงศตวรรษเดียวโดยเป็นผลการวิจัยที่สามารถพิสูจน์ได้ถึงความถูกต้องของแบบจำลองภูมิอากาศ (Modelverification) ต่าง ๆ

        นอกจากนี้ ยังทำให้เกิดการค้นพบสำคัญของยุคสมัย"โฮโลซีน" แห่งมวลมนุษยชาติ โดยในต่างประเทศได้มีการศึกษากันอย่างกว้างขวาง แต่ในประเทศไทยมีการศึกษาเพียงเล็กน้อย และยังไม่สามารถให้ข้อมูลที่มีความละเอียดสูงที่ย้อนหลังไปในอดีตอันยาวนานได้ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงและล่มสลายของอารยธรรมมนุษย์

        โดยจากการศึกษาวิจัยได้ค้นพบว่าในช่วง"โฮโลซีนตอนต้น-กลาง" หรือช่วงเวลาก่อนหนึ่งหมื่นปีสู่โลกยุคปัจจุบัน มีปริมาณน้ำฝนมากกว่า"โฮโลซีนตอนปลาย" หรือช่วงเวลาหนึ่งหมื่นปีถึงโลกยุคปัจจุบันอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งพบความแห้งแล้งเกิดขึ้นโดยมีอิทธิพลจากมนุษย์เข้ามาเกี่ยวข้องอย่างเด่นชัดในศตวรรษที่ 18 และยังพบว่า  ปริมาณรังสีดวงอาทิตย์ และปรากฏการณ์ "เอนโซ่"หรือความผันแปรของระบบอากาศในซีกโลกใต้ ส่งผลอย่างชัดเจนต่อความผันแปรของลมมรสุมฤดูร้อนโฮโลซีน

        นอกจากนี้ จากการที่ทีมวิจัยฯ ได้ลงพื้นที่ศึกษาวิจัย ณ ถ้ำในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน และอุทยานธรณีโลก "ถ้ำภูผาเพชร" แห่งยูเนสโกในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด จังหวัดสตูล เปรียบเทียบกับถ้ำในมณฑลยูนนานและฝูเจี้ยน สาธารณรัฐประชาชนจีน ทำให้ได้ "คู่มือตรวจวัดระบบถ้ำ" ที่สามารถใช้เป็นแนวทางในการดำเนินการจัดการแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติประเภทถ้ำ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนการสอนหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชานวัตกรรมการจัดการสังคมและสิ่งแวดล้อม โครงการจัดตั้งวิทยาเขตอำนาจเจริญ มหาวิทยาลัยมหิดล และเป็นประโยชน์ต่อการท่องเที่ยวไทยช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจของชุมชน และประเทศชาติได้ต่อไปอีกด้วย

        สำหรับหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิตสาขาวิชานวัตกรรมการจัดการสังคมและสิ่งแวดล้อม เป็นหลักสูตรใหม่ล่าสุดของวิทยาเขตอำนาจเจริญ มหาวิทยาลัยมหิดล ที่หมายมั่นปั้นมือว่าจะให้เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาชุมชนเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาสู่ประเทศนวัตกรรมของประเทศไทย

        โดยเป็นหลักสูตรที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2560 จากการลงพื้นที่สำรวจ และระดมความคิดเห็นของชุมชนจนพบจุดอ่อนของชุมชนถึงอุปสรรคสำคัญในการพัฒนา เนื่องจากขาดปัจจัยสำคัญด้านการบูรณาการองค์ความรู้และการลงพื้นที่เพื่อแก้ไขปัญหาชุมชนอย่างจริงจัง จึงได้ผนวกเอาศาสตร์ทางด้านวิทยาศาสตร์และสังคมศาสตร์เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อจัดการเรียนการสอนในรายวิชาที่หลากหลาย ให้ผู้เรียนได้ถึงพร้อมด้วยทักษะทางด้านการพัฒนาเศรษฐกิจสังคม และสิ่งแวดล้อม ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ พร้อมได้ลงพื้นที่ปฏิบัติจริงเพื่อการผลิตบัณฑิตที่จะสำเร็จการศึกษาออกไปเป็นกำลังสำคัญให้กับชุมชนและประเทศชาติโดยปัจจุบันหลักสูตรฯ สามารถผลิตบัณฑิตได้แล้ว 1 รุ่น

Tags: