ม.มหิดล กาญจน์ ร่วมกับ รัฐบาลจีน เตรียมสร้าง “แลนด์มาร์กธรณีศาสตร์”
3
April
2024
3
April
2024
ท่ามกลางความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติที่มีลักษณะทางธรณีสัณฐานของหินปูนซึ่งพบส่วนใหญ่ที่จังหวัดกาญจนบุรีได้กลายเป็น “แลนด์มาร์ก” (landmark) ซึ่งเป็นจุดสำคัญของการท่องเที่ยวไทยปัจจุบันยังจะได้พัฒนาเป็น “แลนด์มาร์กธรณีศาสตร์”เพื่อขยายผลทางเศรษฐกิจและเพื่อเตรียมพร้อมเฝ้าระวังการเคลื่อนที่ของแผ่นธรณี
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อำนาจ เจรีรัตน์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายวิทยาเขตกาญจนบุรีมหาวิทยาลัยมหิดล ได้เปิดเผยถึงความร่วมมือระหว่าง มหาวิทยาลัยมหิดลวิทยาเขตกาญจนบุรี และรัฐบาลจีน ผ่าน TheInstitute of Geophysics, China Earthquake Administration (IGP CEA) และ TheGanzu Earthquake Agency (GEA) ในการร่วมวิจัยทางด้านธรณีศาสตร์เพื่อการเฝ้าระวังเหตุแผ่นดินไหวของโลกผ่านการศึกษาและวิจัยด้านสนามแม่เหล็กระดับลึก
นอกจากนี้ที่ผ่านมาได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยปักกิ่งซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และมีชื่อเสียงในระดับโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านธรณีศาสตร์ ในการแลกเปลี่ยนบุคลากรนักศึกษาและเทคโนโลยีขั้นสูงด้านธรณีศาสตร์
สาเหตุที่จีนเลือกมหาวิทยาลัยมหิดลวิทยาเขตกาญจนบุรี เป็นคู่ความร่วมมือเนื่องจากในบางพื้นที่ของจีนมีทรัพยากรและลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่คล้ายคลึงกันแต่มีความโดดเด่นที่แตกต่างกัน โดยที่มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรีมีการเปิดสอนหลักสูตรทางด้านธรณีศาสตร์และเป็นที่สนใจในเวทีโลกเช่นเดียวกับมหาวิทยาลัยปักกิ่ง
ด้านทรัพยากรพบว่าพื้นที่บางส่วนของจังหวัดกาญจนบุรีมีศักยภาพในการผลิต “แร่ลิเธียม” (Lithium) ในอนาคต หากมีการศึกษาสำรวจเนื่องจากมีโอกาสเกิดร่วมกับแร่ดีบุก ซึ่งมีการพบที่บริเวณทองผาภูมิทั้งนี้จะสนองต่อความต้องการทางเศรษฐกิจของโลกยุคดิจิทัล เช่นปัจจุบันที่ต้องการใช้แบตเตอรี่ลิเธียม(Lithium-Ion Battery)ซึ่งมีส่วนประกอบสำคัญจากแร่ลิเธียมเป็นพลังงานสะอาดสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เครื่องมือสื่อสาร ตลอดจนยานยนต์ EV (Electric Vehicle)
นอกจากนี้ด้วยลักษณะภูมิประเทศที่เป็นหินปูนเหมือนกันพบว่ายังสามารถใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการกักเก็บคาร์บอนไว้ใต้ชั้นหินเพื่อการบรรลุภารกิจNet Zero Emission ของโลกได้ต่อไปอีกด้วย
และที่สำคัญเหตุธรณีพิบัติภัยอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อจากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกด้วยความรู้ทางด้านธรณีศาสตร์ และความร่วมมือต่างๆจะช่วยโลกให้พร้อมรับกรณีธรณีพิบัติภัยที่อาจเกิดขึ้นต่อมวลมนุษยชาติต่อไปในอนาคตซึ่งองค์ความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องจะไม่กลับกลายเป็นความหวั่นวิตกแต่จะช่วยโลกให้พ้นภัยได้ด้วยปัญญา
ที่มา: มหาวิทยาลัยมหิดล