Movement

กยท. – MRB ตั้งโต๊ะแลกเปลี่ยนแนวทางสร้างเสถียรภาพราคายางยั่งยืน

15

August

2024

15

August

2024

วันที่ 6 ส.ค. 67 ณห้องประชุมมหิศรภักดี กยท.จ.สงขลา --การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมโต๊ะกลมโดยมี ดร.เพิก เลิศวังพง ประธานกรรมการการยางแห่งประเทศไทยเป็นผู้นำหารือ พร้อมด้วย นายสุขทัศน์ ต่างวิริยกุล รองผู้ว่าการด้านปฏิบัติการรักษาการแทนผู้ว่าการ กยท. ร่วมหารือกับ Malaysian Rubber Board (MRB) โดย Dato’Dr.Zairossani Mohd Nor ผู้อำนวยการ MRB , องค์กรพัฒนาเกษตรกรรายย่อยเพื่อลงทุนยางพารา (RISDA) และสมาคมผู้ผลิตถุงมือยางแห่งมาเลเซีย (Margma) รวมถึงคณะผู้แทนจากภาคอุตสาหกรรมยางมาเลเซีย ร่วมนำเสนอความพร้อมในกระบวนการตรวจสอบย้อนกลับยางของไทย ภายใต้กฎระเบียบ EUDR หวังยกระดับผลิตภัณฑ์และอุตสาหกรรมยางพาราให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืน พร้อมเสริมสร้างความสัมพันธ์กับคู่ค้า 2 ประเทศตลอดจนสำรวจโอกาสทางธุรกิจและการลงทุนในภาคการค้ายาง

ดร.เพิก เลิศวังพง กล่าวว่า ด้วยนโยบายของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลระหว่างประเทศไทยและประเทศมาเลเซียที่ต้องการจะพัฒนาอุตสาหกรรมยางพาราของทั้งสองประเทศให้มีประสิทธิภาพ
และมีมูลค่าเพิ่ม เพื่อประโยชน์ในด้านการค้า การลงทุนและภาคอุตสาหกรรมของยางพารากับทั้งสองประเทศอย่างเป็นรูปธรรม ดังนั้นในการเดินทางเยือนประเทศไทยของคณะผู้แทนภาคอุตสาหกรรมมาเลเซียในครั้งนี้ กยท. ในฐานะตัวแทนรัฐบาลไทย ได้ตระหนักและให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับความร่วมมือนี้เพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายที่ตั้งไว้และสร้างความความสัมพันธ์อันดีให้เกิดขึ้นระหว่างสองประเทศ

ดร.เพิกเผยถึงการนำเสนอความพร้อมของไทยต่อกฎระเบียบ EUDR ว่า ไทยได้ดำเนินการพัฒนาระบบตรวจสอบย้อนกลับโดยนำร่องในอุตสาหกรรมยางล้อและได้รับฟังข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และการวิเคราะห์ความเสี่ยง เพื่อนำมาปรับปรุงระบบเป็น versionล่าสุดที่พร้อมจะให้ผู้ประกอบการสามารถนำเอกสารไปใช้ประกอบการแสดงแหล่งที่มาของผลิตภัณฑ์เข้าสู่สหภาพยุโรปได้นอกจากนี้ กยท.ได้มีการสื่อสารและเจรจาร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับยางพาราทั้งระบบโดยเฉพาะประเด็นการบริหารจัดการการตรวจสอบย้อนกลับโดยใช้ตลาดเครือข่าย ประมาณ 500 แห่งทั่วประเทศ และตลาดกลางยางพาราของ กยท. ทั้ง 8 แห่งดังนั้นเพื่อให้เกิดความยั่งยืนในอุตสาหกรรมยางพารา และตลาดของผลิตภัณฑ์ยางพาราของทั้ง 2 ประเทศควรร่วมแลกเปลี่ยนการแนวทางการทำงานของระบบการตรวจสอบย้อนกลับและควรพัฒนาคู่มือแนวทางปฏิบัติหรือขั้นตอนการดำเนินการในฐานะประเทศผู้ผลิตและผู้ใช้ยางธรรมชาติร่วมกัน

ดร. เพิก กล่าวเพิ่มเติมว่า สินค้า EUDR และระบบการตรวจสอบย้อนกลับของไทย ได้รับความเชื่อมั่นจากผู้ประกอบกิจการยางสมาคมยางล้อรถยนต์ของไทย (TATMA) ตลอดจนคณะกรรมาธิการ
สหภาพยุโรปด้านสิ่งแวดล้อม แต่สิ่งที่ผู้ประกอบการและสมาคมมีความกังวล คือปริมาณสินค้าในตลาดเครือข่ายและตลาดกลางยางพาราของ กยท. อาจไม่เพียงพอกับความต้องการ ซึ่งขณะนี้กยท. บริหารจัดการผลผลิตให้รองรับการตรวจสอบย้อนกลับให้ได้มากที่สุด ดังนั้น ทั้ง2 ประเทศ ควรผลักดันมาตรฐานการจัดการยางพาราเพื่อความยั่งยืนให้ครอบคลุมทั้งเศรษฐกิจสังคม และสิ่งแวดล้อม ภายใต้ความร่วมมือในเวทีต่าง ๆโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความร่วมมือสภาไตรภาคียางระหว่างประเทศ ซึ่งจะหารือร่วมกันในเดือนกันยายนนี้

ประธานบอร์ดกยท.  เผยถึงนโยบายการสร้างเสถียรภาพราคายางที่ยั่งยืนของไทย ว่า ที่ผ่านมา กยท.ได้มีการสนับสนุนการทำสวนยางยั่งยืน โดยการนำเอาระบบ GAP มาส่งเสริมให้แก่เกษตรกร รวมถึงการส่งเสริมระบบตลาดกลางแก่เกษตรกรรายย่อย ลดการเก็งกำไรของพ่อค้าคนกลางทำให้ราคายางมีเสถียรภาพและส่งผ่านไปยังเกษตรกรรายย่อยโดยตรงตลอดจนส่งเสริมระบบเกษตรแปลงใหญ่
โดยให้เกษตรกรมีการจัดหาวัตถุดิบร่วมกัน เพื่อลดต้นทุนการผลิตและวางแผนการเก็บเกี่ยวผลผลิต รักษาสมดุลผลผลิตในตลาด

“หวังว่าเวทีหารือระหว่างสองประเทศในครั้งนี้จะมีส่วนในการพัฒนาอุตสาหกรรมยางพาราทั้งระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศให้เติบโตมากยิ่งขึ้นในฐานะที่ทั้งสองประเทศเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมยางพาราของอาเซียน” ประธานบอร์ด กยท.  กล่าวในที่สุด

นอกจากนี้ ยังมีประเด็นหารือที่สำคัญระหว่าง 2 ประเทศ ซึ่งพูดถึงประเด็นตลาดซื้อ-ขายคาร์บอนของประเทศไทย-มาเลเซีย ซึ่งที่ผ่านมากยท. สนับสนุนการมีส่วนร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในประเทศ ผ่านการดำเนินโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย(T-VER) ทั้งนี้ กยท.มีความสนใจเข้าร่วมการพัฒนาตลาดคาร์บอนในมาเลเซีย ซึ่ง กยท. ได้พัฒนารูปแบบความร่วมมือของภาครัฐและภาคเอกชนที่สนใจเข้าร่วมลงทุนคาร์บอนสะสมในพื้นที่สวนยางพารา

ประเด็นการสร้างความยั่งยืนยางสำหรับอุตสาหกรรมยางในภาคกลางน้ำและปลายน้ำ โดย กยท.ได้ดำเนินการถ่ายทอดเทคโนโลยีผลิตภัณฑ์ยางสู่ผู้ประกอบการ โดยมีการคัดเลือกผลิตภัณฑ์ต้นแบบจากงานวิจัยและความต้องการของผู้ประกอบกิจการยางเพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่สถาบันเกษตรกรและผู้ประกอบการ ดังนั้น กยท. มีความยินดีที่จะร่วมวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี ผลิตภัณฑ์จากยางธรรมชาติ ตลอดจนการค้าการลงทุนและการตลาดกับ MRBคาดว่าจะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ผลิตและอุตสาหกรรมยางตลอดห่วงโซ่อุปทานได้มากยิ่งขึ้น

และประเด็นการแลกเปลี่ยนแนวทางการพัฒนางานวิจัยต้นน้ำ ซึ่ง กยท. ได้พูดถึงการพัฒนาเครื่องมือกรีดยางด้วยเครื่องจักรโดยนำระบบกรีดความถี่ต่ำที่มีความเป็นไปได้เพื่อปรับใช้ให้เหมาะกับสถานการณ์ของแรงงานกรีดรวมถึงการเพิ่มผลผลิตด้วยการสนับสนุนให้เกษตรกรชาวสวนยางใช้ฮอร์โมนเอทธิลีนในการเก็บเกี่ยวผลผลิต  ซึ่งผลลัพธ์ที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นว่าทั้ง 2 แนวทางสามารถแก้ปัญหาเรื่องการขาดแคลนแรงงาน และวัตถุดิบได้ดี ดังนั้น ไทยยินดีให้ความร่วมมือในการวิจัยและพัฒนาร่วมกับMRB เพื่อยกระดับงานวิจัยนำไปสู่การปฏิบัติที่มีประสิทธิภาพเกิดประโยชน์ต่อเกษตรกร สถาบันเกษตรกร ตลอดจนภาคอุตสาหกรรมยางพาราอย่างยั่งยืนต่อไป

Tags:
No items found.