หอการค้าไทย-จีน – CCPIT จัดสัมมนา ‘ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าไทย-จีน 2025’
22
January
2025
22
January
2025
หอการค้าไทย-จีน จับมือ สภาส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศแห่งประเทศจีน (CCPIT) จัดงานสัมมนา “ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าไทย-จีน 2025” และแนะนำ “งานมหกรรมห่วงโซ่อุปทานนานาชาติของจีน (CISCE) ครั้งที่ 3”
เมื่อวันที่ 21 มกราคม2568 นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการ หอการค้าไทย-จีน กล่าวว่า ได้ร่วมมือกับ นาย Ren Hongbin ประธานสภาส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศแห่งประเทศจีน(CCPIT) จัดงานสัมมนา “ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าไทย-จีน 2025” พร้อมแนะนำ “งานมหกรรมห่วงโซ่อุปทานนานาชาติของจีน(China International Supply Chain Expo : CISCE) ครั้งที่ 3” โดยได้รับเกียรติ จากนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวเปิดสัมมนา พร้อมด้วย นายเจียง เว่ย อัครราชทูตฝ่ายเศรษฐกิจและพาณิชย์ สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศ นายนฤชา ฤชุพันธ์ รองเลขาธิการบีโอไอ นายวิกรม กรมดิษฐ์ ประธานสภาธุรกิจไทย-จีน และนายอรุณ เอี่ยมสุรีย์ ประธานสถาบันเศรษฐกิจและการลงุทนไทย-จีน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
ในการนี้นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์เน้นย้ำความสัมพันธ์ไทย-จีน มีความแน่นแฟ้นมายาวนาน มีความผูกพันหลายมิติจีนเป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจโลก และเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทย เป็นเวลา 12ปี ติดต่อกัน การขยายตัวทางการค้าระหว่างไทยและจีนอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจัยสำคัญส่วนหนึ่งมาจากการจัดทำข้อตกลงการค้าเสรี FTA ร่วมกัน 2 ฉบับ ได้แก่ ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ACFTA) และ ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค(RCEP) นอกจากนี้ประเทศไทย ยังเป็นหนึ่งในประเทศที่มีศักยภาพในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกทั้งในส่วนของภาคเกษตรกรรม ภาคอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี และธุรกิจบริการ จึงมีความพร้อมที่จะมีส่วนร่วมเสริมสร้าง “ซัพพลายเชน” ในภาคการผลิตของโลก
งานมหกรรมห่วงโซ่อุปทานนานาชาติของจีน หรือ (ChinaInternational Supply Chain Expo – CISCE) ถือได้ว่าเป็นเวทีส่งเสริมความร่วมมือด้านห่วงโซ่อุปทานที่สำคัญและกลายเป็นเวทีระดับสูงสำหรับการพบปะแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และเทคโนโลยีใหม่ๆพร้อมทั้งส่งเสริมความร่วมมือทั้งทางธุรกิจการค้าการลงทุนระหว่างกันโดยหอการค้าไทย-จีน ได้นำคณะเข้าร่วมงาน CISCE ครั้งที่ผ่าน รู้สึกประทับใจและเห็นว่ามีประโยชน์ในทางธุรกิจเป็นอย่างมาก ด้วยผู้จัดงาน CISCEมีศักยภาพสูงที่สามารถนำผู้ประกอบการสาขาต่างๆ ทั้งจากประเทศจีนและนานาประเทศเข้าร่วมงาน เพื่อส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือในห่วงโซ่อุปทานระดับนานาชาติให้มีความเข้มแข็งและสร้างโอกาสสำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมในระดับภูมิภาคนายณรงค์ศักดิ์ กล่าว
ประธาน CCPIT กล่าวว่า ในโอกาสครบรอบ 50ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีนในปี2568 นี้ จึงเป็นโอกาสอันดี ที่ได้นำคณะนักธุรกิจจีนกว่า 100คน เดินทางมาประเทศไทยเป็นประเทศแรกเพื่อร่วมจัดสัมมนา “ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้า ไทย-จีน 2025” พร้อมแนะนำ “งานมหกรรมห่วงโซ่อุปทานนานาชาติของจีน” การที่เลือกเดินทางมาประเทศไทยเป็นประเทศแรกในปีนี้มาจาก 3 ปัจจัยสำคัญคือ (1) เพื่อยกระดับความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าด้วยจีนมีประชากรชั้นกลางถึง 500 ล้านคน(จากประชากรทั้งหมดกว่า 1,400 ล้านคน)จึงเป็นตลาดที่มีศักยภาพ โดยการใช้ประโยชน์จากความตกลง RCEP และความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ACFTA) ; (2) เพื่อขยายการลงทุนระหว่างไทยและจีน เพื่อร่วมพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียวสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีเพื่อส่งเสริมการลงทุนซึ่งกันและกัน ; และ(3) เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านห่วงโซ่อุปทานของบริษัทและวิสาหกิจไทยและจีน
สำหรับงาน CISCEครั้งที่ 3 กำหนดที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-20กรกฎาคม 2568 ที่กรุงปักกิ่งโดยได้คัดเลือกธุรกิจกว่า 40 แห่ง มาแสดงในงานพร้อมการจัดสัมมนา ใน 6 กลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ ห่วงโซ่การผลิตสมัยใหม่(Advanced Manufacturing); อุตสาหกรรมพลังงานสะอาด (CleanEnergy); ยานยนต์อัจฉริยะ (SmartVehicle) เน้นการใช้พลังงานสีเขียว 100%; เทคโนโลยีดิจิทัล (DigitalTechnology); ชีวิตที่มีสุขภาพที่ดี (Healthy Life) เป็นส่วนของผลิตภัณฑ์สมุนไพรจีนที่ขยายความร่วมมือด้านห่วงโซ่อุปทานกับบริษัทต่างชาติชั้นนำ; และเกษตรกรรมสีเขียว (Green Agriculture) นอกจากนี้ยังมีโซนจัดแสดงการให้บริการด้านห่วงโซ่อุปทานแบ่งตามหมวดหมู่ เช่น บริการด้านการขนส่งทางเรือ เป็นต้น ผู้สนใจสามารถค้นหาข้อมูลได้ที่ www.cisce.org.cn
ในโอกาสนี้ทาง CCPIT ได้ร่วมลงนามเอ็มโอยู 5 ฉบับกับ หน่วยงานต่างๆได้แก่ หอการค้าไทย-จีน หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาธุรกิจไทย-จีน และ เครือ CP เพื่อส่งเสริมการเข้าร่วมงานCISCE ครั้งที่ 3 ในเดือนกรกฎาคม ศกนี้ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน