สมาคมมิตรภาพไทย-จีน จัดงานเฉลิมฉลอง 45 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตจีน-ไทย
10
October
2024
8
January
2021
เมื่อค่ำวันที่ 4 ธ.ค.ที่ผ่านมา สมาคมมิตรภาพไทย-จีนได้จัดงานเฉลิมฉลองการครบรอบ 45 ปีแห่งการสถาปนาสัมพันธภาพทางการทูตระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน ณ โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ โดยมี หยาง ซิน อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย กร ทัพพะรังสี อดีตรองนายกรัฐมนตรีและนายกสมาคมมิตรภาพไทย-จีน สื่อมวลชนทั้งจากจีนและไทยเข้าร่วมงาน
หลิน ซงเทียน ประธานคนใหม่ของสมาคมมิตรภาพวิเทศสัมพันธ์แห่งประชาชนจีนได้ส่งวิดีโอแสดงความยินดี โดยกล่าวย้ำว่า นับตั้งแต่จีน-ไทยได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต รัฐบาลและประชาชนของทั้งสองประเทศได้ให้การสนับสนุนและช่วยเหลือซึ่งกันและกันมาโดยตลอด ทั้งการร่วมกันพัฒนาความสัมพันธ์อันนำมาซึ่งความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์รอบด้าน นอกจากนี้ การแลกเปลี่ยนและความร่วมมือระหว่างสมาคมมิตรภาพไทย-จีนและสมาคมมิตรภาพวิเทศสัมพันธ์แห่งประชาชนจีนในช่วงหลายปีที่ผ่านมายังได้ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีงามระหว่างสองประเทศเป็น
หยาง ซิน อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยกล่าวว่า ประเทศจีนและประเทศไทยเป็นเพื่อนบ้านที่ดี หุ้นส่วนที่ดี มิตรสนิทและญาติใกล้ชิด ปีนี้เป็นการครบรอบ 45 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีน-ไทย ตลอดเวลา 45 ปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์จีน-ไทยได้ผ่านการทดสอบหลายต่อหลายครั้งและสร้างประวัติศาสตร์ที่ไม่ธรรมดา ความไว้เนื้อเชื่อใจกันทางการเมืองระหว่างสองประเทศได้เพิ่มพูนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าได้ขยายตัว การแลกเปลี่ยนในภาคสังคมและระหว่างประชาชนใกล้ชิดมากขึ้น
ปีนี้เมื่อทั่วโลกเผชิญกับ COVID-19 ประเทศจีนและประเทศไทย รวมทั้งประชาชนทั้งสองประเทศได้ร่วมทุกข์ร่วมสุข คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ร่วมกันต่อสู้กับโรคระบาด ซึ่งได้แสดงให้เห็นถึงมิตรภาพอันลึกซึ้งที่กล่าวกันว่า “จีน-ไทยมิใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” และจิตวิญญาณอันยิ่งใหญ่ของความเป็นประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันแห่งมวลมนุษยชาติ ซึ่งก็เป็นการร่วมสร้างคุณูปการอันสำคัญด้านสาธารณสุขให้กับโลกด้วย อีกทั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ส่งข้อความพระราชสาส์นแสดงความห่วงใยไปถึงประธานาธิบดีสี จิ้นผิง พร้อมทั้งชื่นชมมาตรการป้องกันที่มีประสิทธิภาพของจีนในการรับมือโรคระบาด ทุกภาคส่วนในประเทศไทยได้หยิบยื่นความช่วยเหลือและบริจาคเวชภัณฑ์ทางการแพทย์เป็นจำนวนมากให้กับจีน และจีนยึดมั่นในหลักคุณธรรมที่ว่า “ท่านให้ลูกท้อแก่เรา เราตอบแทนท่านด้วยหยกงาม”
ดังนั้นเมื่อประเทศไทยกำลังเผชิญหน้ากับวิกฤต COVID-19 จีนได้รีบให้การสนับสนุนและช่วยเหลือประเทศไทยอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งปันข้อมูลการแพร่ระบาด มาตรการป้องกัน แผนการรักษา รวมทั้งดำเนินความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาวัคซีน รัฐบาลจีน สถานประกอบการ และองค์กรต่าง ๆ ได้บริจาคเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ให้กับประเทศไทยหลายครั้งเพื่อสนับสนุนการต่อสู้กับโรค COVID-19 นอกจากนี้ สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนประจำประเทศไทยยังได้จัดตั้ง “ตู้ปันสุข” ขึ้นเพื่อช่วยเหลือพี่น้องชาวไทยที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19
ในขณะเดียวกัน ภายใต้ความร่วมมือนโยบาย “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” หลังจากทั้งสองประเทศได้ทำการลงนามสัญญา 2.3 โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีนสำเร็จแล้ว มูลค่าการค้าระหว่างสองประเทศตั้งแต่เดือน ม.ค.- ก.ย. เติบโตเพิ่มขึ้นมากกว่า 10% ในอนาคตข้างหน้าเชื่อมั่นว่าความสัมพันธ์จีน-ไทยจะขยายผลประโยชน์ร่วมกันมากยิ่งขึ้น ความเข้าใจและความร่วมมือซึ่งกันและกันก็จะเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และร่วมสร้างอนาคตที่งดงามมากกว่าปัจจุบันอย่างแน่นอน อีกทั้งเชื่อมั่นว่าจีนและไทยจะประสบชัยชนะในการต่อสู้กับ COVID-19 ในเร็ววัน
ด้าน กร ทัพพะรังสี นายกสมาคมมิตรภาพไทย-จีนได้ขึ้นกล่าวปาฐกถาในหัวข้อ “70ปี จีนทำได้อย่างไร?” โดยเล่าว่าได้เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมายของประเทศจีนตลอดระยะเวลา 45 ปีที่ผ่านมา จีนได้ทำให้คนยากจนหมดไปปีละ 20 ล้านคนอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้คนจนในประเทศจีน 800 ล้านคนหมดไปได้ในปี 2563 ปัจจัยหลักของความสำเร็จในการขจัดความยากจนของรัฐบาลจีนมีด้วยกันสามประการ หนึ่งคือรัฐบาลต้องมี “เสถียรภาพ” รัฐบาลต้องอยู่ยาวนานพอที่จะให้นโยบายสัมฤทธิ์ผล สองคือการทำงานของทุกกระทรวงต้องมี “เอกภาพ” ต้องทำงานไปในทิศทางเดียวกันเพื่อจุดมุ่งหมายเดียวกัน นั่นคือการทำให้คนจนหมดไปให้ได้ปีละ 20 ล้านคน สามคือปราบ “คอร์รัปชั่น” อย่างเด็ดขาด การจัดสรรงบประมาณทั้งหมดต้องมุ่งสู่การลดจำนวนคนจนเท่านั้น จีนได้พิสูจน์ให้ทั้งโลกได้เห็นแล้วว่าจีนทำได้จริง ๆ ในวันนี้ประกายแววตาแห่งความสุขและความหวังของคนจีนได้ฉายให้เห็นอย่างชัดเจน แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากเมื่อครั้งที่ได้ไปเยือนประเทศจีนครั้งแรก รัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นตัวอย่างที่ดีในการขจัดความยากจนของประชาชนและสมควรที่จะได้รับความชื่นชมในความสำเร็จจากประชาชนทั่วโลก
ทั้งนี้ สมาคมมิตรภาพไทย-จีนได้ก่อตั้งขึ้นหลังจากรัฐบาลไทยและรัฐบาลจีนได้ลงนามในข้อตกลงเปิดสัมพันธภาพอย่างเป็นทางการระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาลเมื่อ 45 ปีก่อน ซึ่งเป็นดำริของอดีตนายกรัฐมนตรีจีนโจว เอินไหล ระหว่างสนทนากับพล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยในขณะนั้นว่า เมื่อ“รัฐบาลต่อรัฐบาล”ได้เปิดช่องทางสำหรับการติดต่อกันแล้ว จีนขอเสนอที่จะเปิดอีกช่องทางหนึ่งเพื่อการติดต่อประสานงานระหว่าง“ประชาชนต่อประชาชน” จึงได้มีการจัดตั้งสมาคมมิตรภาพไทย-จีนขึ้นที่กรุงเทพฯ เมื่อปี 2519 และจัดตั้งสมาคมมิตรภาพจีน-ไทยขึ้นที่กรุงปักกิ่งปี 2530
ทั้งนี้ สมาคมมิตรภาพไทย-จีนถือเป็นองค์กรที่ไม่ใช่รัฐบาลแห่งแรกในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลจีนและรัฐบาลไทย โดยตลอดระยะเวลา 45 ปีที่ผ่านมา สมาคมฯได้ยึดถือคำกล่าวที่ว่า “จีนไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” มาโดยตลอด เพื่อส่งเสริมความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้า วัฒนธรรม การศึกษา การท่องเที่ยวและกีฬา ฯลฯ