3 ยักษ์ใหญ่ไทย-จีน ‘อู่กรุงเทพฯ-นามยง-ซิโนเปค’ จับมือลุยธุรกิจรื้อถอนแท่นปิโตรเลียมครบวงจรรายแรกของไทย

        เมื่อวันที่ 11 เม.ย. 3 องค์กรยักษ์ใหญ่ไทย-จีน บริษัท อู่กรุงเทพ จำกัด หน่วยงานของรัฐ, บริษัท นามยง เทอร์มินัล จำกัด (มหาชน) และบริษัท ซิโนเปค อินเตอร์เนชั่นแนล ปิโตรเลียม เซอร์วิส คอร์ปอเรชั่น บริษัทลูกในเครือ Sinopec Group รัฐวิสาหกิจด้านพลังงานยักษ์ใหญ่ของจีน จัดพิธีลงนาม MOU จัดตั้งกิจการร่วมค้าในประเทศไทย โดยมี ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี, หวัง ลี่ผิง อัครราชทูตที่ปรึกษาแผนกพาณิชย์ ประจำสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย, พลเรือเอก เถลิงศักดิ์ ศิริสวัสดิ์ เสนาธิการทหารเรือ, พลเรือโท วิโรจน์ นิลพงษ์ เจ้ากรมอู่ทหารเรือ และแขกผู้เกียรติทั้งฝ่ายจีนและฝ่ายไทยร่วมเป็นสักขีพยาน ณ หอประชุมกองทัพเรือ ประกาศความพร้อมดำเนินธุรกิจรื้อถอนแท่นปิโตรเลียมมาตรฐานสากลในอ่าวไทย ชูจุดแข็งบริการครบวงจร (One-Stop Service) รายแรกในประเทศไทย รองรับความต้องการรื้อถอนแท่นปิโตรเลียมที่จะทยอยหมดอายุสัมปทานตั้งแต่ปี 2565 ต่อเนื่องไปอีก 20 ปีข้างหน้า

        การลงนามความร่วมมือครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้บริการรื้อถอนสิ่งติดตั้งในกิจการปิโตรเลียมแบบครบวงจร โดยนำศักยภาพและความเชี่ยวชาญของแต่ละฝ่าย บูรณาการความร่วมมือเพื่อให้บริการรื้อถอนสิ่งติดตั้งในกิจการปิโตรเลียมตลอดทั้งกระบวนการในรูปแบบของ One-Stop Service ครอบคลุมตั้งแต่การปิดหลุมผลิต การเคลื่อนย้ายโครงสร้างของสิ่งติดตั้งปิโตรเลียมจากอ่าวไทยมายังฝั่งและทำการแยกชิ้นส่วน และการกำจัดกากของเสียอุตสาหกรรม โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยได้มาตรฐานสากล รายแรกและรายเดียวในประเทศไทย พร้อมทั้งใช้โอกาสนี้ในการประสานความร่วมมือที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นระหว่าง 3 ฝ่าย ในด้านปิโตรเคมีภาคพื้นดินและนอกชายฝั่งของประเทศไทย ซึ่งจะมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการยกระดับอุตสาหกรรมปิโตรเคมีของไทย ทั้งด้านการสำรวจพัฒนาและเทคโนโลยีอุปกรณ์ที่ทันสมัย

        ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คนไทยคงจะจำได้ดีว่า ในปี 2524 คือ เมื่อ 41 ปีมาแล้ว เรามีความตื่นเต้นยินดีกันมากในสมัยรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ในครั้งนั้นที่ประเทศไทยค้นพบแหล่งพลังงานในอ่าวไทยที่เราเรียกกันว่า ‘แหล่งเอราวัณ’ และได้มีการนำเอาพลังงานในอ่าวไทยขึ้นมาใช้ประโยชน์ต่อเนื่องกันมาจนถึงบัดนี้เป็นเวลานานถึง 41 ปี

        แต่ในที่สุดเมื่อการขุดเจาะแหล่งพลังงานดังกล่าวหมดอายุลง และยังมีแหล่งอื่นๆที่ทยอยหมดอายุลงอีกตามลำดับ บัดนี้ จึงมาถึงวาระสำคัญคือการรื้อถอนแท่นเหล่านั้นที่อยู่ในท้องทะเล ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่าย โดยเฉพาะหากจะต้องมีการรื้อถอนแบบ One Stop Service หรือครบวงจร ในที่สุดเราก็ได้เห็นความร่วมมือระหว่างรัฐวิสาหกิจทางทะเลที่สำคัญของไทย คือ บริษัท อู่กรุงเทพ จำกัด จับมือร่วมกับรัฐวิสาหกิจที่มีความชำนาญในเรื่องพลังงานทั้งระบบ คือ บริษัท ซิโนเปค อินเตอร์เนชั่นแนล ปิโตรเลียม เซอร์วิส คอร์ปอเรชั่น ของจีน โดยมีบริษัท นามยง เทอร์มินัล จำกัด (มหาชน) ของไทย เป็นคนกลางในการ Facilitate หรืออำนวยความสะดวกเรื่องที่บริษัทถนัด ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่คาดคิด การรื้อถอนแบบครบวงจรก็จะเกิดขึ้นในไม่ช้า อันจะอำนวยประโยชน์แก่ประเทศไทยอย่างมหาศาล

       “ผมมั่นใจว่า ด้วยความรู้ความสามารถและประสบการณ์ของบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้ง 3 ของไทยและของจีน จะสามารถทำให้ภารกิจในการรื้อถอนสิ่งติดตั้งในกิจการปิโตรเลียมดำเนินไปได้ด้วยความเรียบร้อย อันจะเป็นประโยชน์ต่อการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม และการสำรวจ ตลอดจนการผลิตปิโตรเลียมยุคใหม่ต่อไปของไทยในอนาคต” ดร.วิษณุ กล่าว

        หวัง ลี่ผิง อัครราชทูตที่ปรึกษาแผนกพาณิชย์ ประจำสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมา จีนและไทยมีความร่วมมือด้านพลังงานที่ประสบผลสำเร็จมาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็นความร่วมมือด้านพลังงานแบบดั้งเดิมอย่างการสำรวจปิโตรเลียม การก่อสร้างโครงการท่อขนส่งก๊าซ หรือความร่วมมือด้านพลังงานใหม่อย่างรถยนต์ไฟฟ้า โซลาร์เซลล์ ที่ต่างประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี และมีส่วนสำคัญในการพัฒนาทางเศรษฐกิจและส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนทั้งสองประเทศ

        การลงนามครั้งนี้นับว่าเป็นอีกหนึ่งการลงนามความร่วมมือครั้งสำคัญที่มีบทบาทในการกระชับความร่วมมือทางด้านพลังงานระหว่างไทย-จีน เป็นการจับมือร่วมกันรับมือกับความท้าทายด้านวิกฤตพลังงาน รวมถึงเป็นเครื่องสะท้อนถึงมิตรภาพไทย-จีนที่สั่งสมมายาวนาน และความร่วมมือด้านเศรษฐกิจการค้าไทย-จีนที่ใกล้ชิดขึ้นไปอีกขั้น

       หยาง เฉิง รองผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซิโนเปค อินเตอร์เนชั่นแนล ปิโตรเลียม เซอร์วิส คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า ธุรกิจการให้บริการรื้อถอนแท่นผลิตปิโตรเลียมในประเทศไทยมีโอกาสเติบโตอีกมากในอนาคต จากความร่วมมือกับ 2 พันธมิตรทางธุรกิจในประเทศไทยในครั้งนี้ เชื่อว่าจะช่วยเสริมศักยภาพการดำเนินธุรกิจดังกล่าวให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยบริษัทฯ จะนำความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ด้านวิศวกรรมปิโตรเลียมที่ได้รับการยอมรับในระดับโลกของ Sinopec Group ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทน้ำมัน ก๊าซ และปิโตรเคมี แบบครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีจุดแข็งในการติดตั้งและรื้อถอนแท่นปิโตรเลียมในทะเลที่ได้มาตรฐานสากลเป็นที่ยอมรับ และความพร้อมในด้านเทคโนโลยีอุปกรณ์ที่ทันสมัย นำมาพัฒนาและยกระดับการให้บริการธุรกิจนี้ในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น

        ด้าน เทพรักษ์ เหลืองสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นามยง เทอร์มินัล จำกัด (มหาชน) หรือ NYT เปิดเผยว่า ความร่วมมือที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เป็นการขยายโอกาสทางธุรกิจที่ดี และจะสนับสนุนการเติบโตของบริษัทฯ ในอนาคต สอดรับกับพันธกิจของบริษัทฯ ที่มุ่งมั่นพัฒนาบริการที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีมาตรฐานระดับโลก รวมถึงการขยายบริการให้ครอบคลุมการดำเนินงานในธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่องมากยิ่งขึ้น

       ทั้งนี้ จากศักยภาพทางธุรกิจของบริษัทฯ ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจท่าเทียบเรือเพื่อการส่งออกและนำเข้ารถยนต์แบบครบวงจร (ท่าเทียบเรือ A5 และ C0) ทั้งการให้บริการท่าเทียบเรือและบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่อง รวมถึงเป็นผู้ให้บริการพื้นที่จัดเก็บสินค้าและคลังสินค้าบริเวณท่าเรือแหลมฉบัง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี จะมีส่วนสนับสนุนสำคัญต่อธุรกิจรื้อถอนแท่นผลิตปิโตรเลียมในครั้งนี้ และจะช่วยส่งเสริมความร่วมมือระหว่างบริษัท นามยง เทอร์มินัล จำกัด (มหาชน) กับอีก 2 หน่วยงานพันธมิตรในด้านปิโตรเคมีในประเทศไทย

       “ปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีบริษัทใดที่สามารถให้บริการรื้อถอนแท่นผลิตปิโตรเลียมได้แบบครบวงจรตลอดทั้งกระบวนการ ความร่วมมือของ 3 พันธมิตรในครั้งนี้จึงเป็นก้าวใหม่ครั้งสำคัญ ด้วยจุดแข็งการเป็นผู้ให้บริการด้านการรื้อถอนแท่นผลิตปิโตรเลียมแบบครบวงจร ทั้งจากทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีที่มีมาตรฐานในระดับสากล จะสามารถรองรับงานรื้อถอนแท่นผลิตปิโตรเลียมในอ่าวไทย ที่จะเริ่มทยอยหมดอายุสัมปทานนับตั้งแต่ปี 2565 ต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 20ปีข้างหน้า”ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นามยง เทอร์มินัล กล่าว

เปิดศักยภาพ 3 พันธมิตรยักษ์ใหญ่ไทย-จีน

        บริษัท อู่กรุงเทพ จำกัด สังกัดกระทรวงกลาโหม ดำเนินธุรกิจสร้างและซ่อมเรือรวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง โครงสร้างเหล็กขนาดใหญ่ และกิจการพาณิชย์นาวี เป็นบริษัทเพียงแห่งเดียวในประเทศไทยที่ได้รับผิดชอบการสร้างและซ่อมเรือทางการทหาร  

        บริษัท นามยง เทอร์มินัล จำกัด (มหาชน) หรือ NYT เป็นบริษัทผู้ให้บริการขนส่ง โลจิสติกส์แบบครบวงจรที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทย มีสัมปทานท่าเรือหลายแห่ง เช่น ท่าเทียบเรือ A5 และ C0 ท่าเรือแหลมฉบัง มีท่าเทียบเรือเพื่อการนำเข้าและส่งออก (Ro/Ro) แบบครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย รวมทั้งยังเป็นท่าเทียบเรือเพื่อการนำเข้าและส่งออกรถยนต์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเอเชีย

        บริษัท Sinopec International Petroleum Service Corporation เป็นบริษัทลูกในเครือ Sinopec Group ซึ่งมีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจด้านพลังงานรายใหญ่ที่สุดของจีน ซึ่งมี Sinopec Group เป็นผู้ถือหุ้น 100% โดย Sinopec Group เป็นกลุ่มบริษัทน้ำมัน ก๊าซ และปิโตรเคมีรายใหญ่ที่สุดของจีน เป็นบริษัทกลั่นน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก บริษัทเคมีภัณฑ์รายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก และมีจำนวนสถานีบริการน้ำมันมากเป็นอันดับ 2 ของโลก Sinopec Group ดำเนินธุรกิจด้านปิโตรเคมีแบบครบวงจร ตั้งแต่การสำรวจพัฒนา การขุดเจาะน้ำมันดิบ การกลั่นและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม นอกจากนี้ยังได้รับการจัดอันดับจากนิตยสาร Fortune Global 500 ในปี 2019 และ 2020 เป็นบริษัทที่มีรายได้อันดับ 2 ของโลก และติดอันดับ TOP10 ของ Fortune Global 500 ติดต่อกัน 10 ปีต่อเนื่อง