BYD เริ่มก่อสร้างโรงงานรถยนต์ไฟฟ้าแห่งแรกในอาเซียนที่ไทย คาดเริ่มผลิตในปี 67 ด้วยกำลังผลิต 1.5 แสนคัน/ปี

        BYD ยักษ์ใหญ่รถยนต์ไฟฟ้าจีนที่ครองยอดขายอันดับ 1 โลก เริ่มก่อสร้างโรงงานแห่งแรกในอาเซียนที่ประเทศไทยแล้ว บนพื้นที่ 600 ไร่ จ.ระยอง คาดเริ่มผลิตในปี 2567 ด้วยกำลังผลิต 150,000 คัน/ปี เพื่อส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ในกลุ่มอาเซียนและยุโรป

        โรงงานแห่งนี้ ยังนับเป็นการลงทุนโรงงานผลิตรถยนต์นั่งส่วนบุคคลพลังงานไฟฟ้า(EV Passenger Car) ในต่างประเทศแห่งแรกที่ BYD ขยายฐานการผลิตออกมานอกจีน

‍

        เมื่อวันที่ 10 มี.ค.2566 พิธีเปิดหน้าดิน และวางศิลาฤกษ์สร้างโรงงานแห่งใหม่ จัดขึ้นพร้อมกับการส่งมอบรถ BYD ATTO 3  คันที่ 9,999 และ 10,000 ในประเทศไทย โดยมีหลิว เสวียเลี่ยง ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท บีวายดี ออโต้ อินดัสทรี จำกัด พร้อมด้วย หวัง ลี่ผิง อัครราชทูตที่ปรึกษาเศรษฐกิจและพาณิชย์ สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย

        นฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI), พิริยะ เข็มพล ที่ปรึกษาพิเศษด้านการต่างประเทศคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) , เค่อ หยู่ปิน ผู้จัดการทั่วไป BYD ประเทศไทย ร่วมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมในพิธี

‍

‍

         หลิว เสวียเลี่ยง ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายขายประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท บีวายดีออโต้ อินดัสทรี จำกัด กล่าวว่า เมื่อปีที่แล้ว BYD ได้เปิดตัวสู่ตลาดประเทศไทยโดยนำรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นยอดนิยม BYD ATTO3 เข้ามาจำหน่ายซึ่งได้รับกระแสตอบรับลูกค้าเข้าต่อคิวจองรถ ตั้งแต่วันแรกที่เปิดขาย (1 พ.ย.2565) จนทำยอดขายทะลุ 10,000 คัน ภายในแค่ 42 วัน

        จากกระแสการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้าในไทยทำให้ BYD ได้ตัดสินใจเลือกประเทศไทยเป็นที่ตั้งโรงงานรถยนต์นั่งไฟฟ้านอกประเทศจีนแห่งแรก

        โรงงานแห่งนี้นับก้าวสำคัญของทั้ง BYD และประเทศไทย สู่ความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าระดับโลกโดย BYD มุ่งมั่นที่จะนำทั้งเทคโนโลยีที่ดีที่สุดผลิตภัณฑ์และประสบการณ์การบริการที่ยิ่งขึ้นให้กับลูกค้าชาวไทย พร้อมมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยเพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าอย่างสมบูรณ์แบบ เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น

‍

‍

BYD ปักหมุดลงทุนไทยกว่า 2 หมื่นล้านบาท

         นฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) กล่าวว่า การลงทุนตั้งฐานการผลิตของBYD ครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าระดับโลก และศักยภาพความพร้อมของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางด้านการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาค ซึ่งเป็นนโยบายที่รัฐบาลไทยมุ่งมั่นผลักดัน โดยตั้งเป้าหมายว่า ภายในปี 2030 หรือ พ.ศ. 2573 ประเทศจะมีการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ในสัดส่วน30% ของการผลิตรถยนต์ในประเทศทั้งหมด

‍

        ไทยถือเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่มีนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าอย่างครบวงจร โดยให้ความสำคัญกับการสร้าง EV Ecosystem หรือระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า

        ทั้งการส่งเสริมการลงทุนผลิตยานพาหนะไฟฟ้าทุกประเภท การผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์ แบตเตอรี่ รวมถึงพัฒนาด้าน Software  เพื่อให้ครอบคลุมทั้งห่วงโซ่การผลิต (Supply Chain) พร้อมทั้งมาตรการด้านภาษีและมาตรการด้านอุดหนุนเพื่อส่งเริมให้เกิดการเติบโตของตลาดผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ

        “โอกาสการลงทุนในประเทศไทยยังมีอีกหลายด้าน หวังเป็นอย่างยิ่งว่า BYD จะพิจารณาขยายการลงทุนด้านอื่นๆในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นด้าน R&D รวมถึงการจัดตั้งสำนักงานใหญ่ในภูมิภาค (Regional Headquarter) ในประเทศไทย ซึ่ง BOI พร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่”เลขาธิการ BOI กล่าว

        ปัจจุบัน โครงการลงทุนของ BYD ในไทย ที่ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนแล้วจาก BOI มีมูลค่ารวมกันสูงถึงกว่า 2 หมื่นล้านบาท  โครงการแรกเป็นการลงทุนในกิจการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่(BEV) และรถยนต์ไฟฟ้าแบบผสมเสียบปลั๊ก (PHEV) มูลค่าการลงทุน 17,891 ล้านบาท  และอีกหนึ่งโครงการ เป็นการลงทุนผลิตแบตเตอรี่สำหรับยานพาหนะไฟฟ้า มูลค่าการลงทุน  3,893 ล้านบาท

‍

‍‍

         หวัง ลี่ผิง อัครราชทูตที่ปรึกษาเศรษฐกิจและพาณิชย์ สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย กล่าวว่า BYD เป็นบริษัทชั้นนำในด้านอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ในประเทศจีนที่ก้าวสู่การเติบโตในระดับสากล โดยนำเทคโนโลยีขั้นสูงและผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพมาสู่โลก

        การตัดสินใจเลือกประเทศไทยเป็นฐานการผลิตของBYD สอดคล้องกับแนวคิดการพัฒนา BCG ของไทย และทิศทางของการพัฒนาสีเขียว และการพัฒนายั่งยืนของจีน ซึ่งไม่เพียงแต่จะนำการพัฒนาเศรษฐกิจมาสู่ประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมการบูรณาการเชิงลึกของอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ของจีนและไทยอีกด้วย

‍

‍

BYD กับการเติบโตตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย

        จากสถิติ ณ วันที่ 31  ม.ค. 2566 ประเทศไทยมียอดจดทะเบียนสะสมของรถยนต์ไฟฟ้า100% (BEV) อยู่ที่ 16,672 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน  281.86%

        ทั้งนี้ นับตั้งแต่ BYD ได้เข้ามาเปิดตัวจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกในประเทศไทยเมื่อเดือน พ.ย. 2565 จนถึงสิ้นเดือนม.ค.2566 ที่ผ่านมา ยอดจดทะเบียนรถยนต์BYD ATTO 3 มีจำนวน 1,352 คัน คิดเป็นสัดส่วน 8% ของรถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่จดทะเบียนในประเทศ และมียอดจดทะเบียนก้าวกระโดดทะลุ 3,000 คัน ณ สิ้นเดือน ก.พ. 2566 ซึ่งสะท้อนถึงความเป็นผู้นำในตลาดอีวีไทย  

        BYD ATTO 3 รถยนต์รุ่นแรกของ BYDที่เปิดตัวจำหน่ายในไทย เป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบบSUV ที่มาพร้อมกับ e-platform 3.0 ใหม่ล่าสุดของ BYD ที่เปิดตัวในประเทศไทย ด้วยเทคโนโลยีการออกแบบและสมรรถนะที่โดดเด่น

‍‍

        เค่อ หยู่ปิน ผู้จัดการทั่วไป BYD ผู้จัดการทั่วไปของ BYDประเทศไทย กล่าวว่า เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ส่งมอบ BYD ATTO 3  คันที่ 9,999 และ 10,000 ให้กับลูกค้าของเราในครั้งนี้

       BYD จะมุ่งมั่นทำงานอย่างหนักต่อไป เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีขึ้น พร้อมส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในไทย การตั้งฐานการผลิตของ BYDในประเทศไทย จะช่วยอำนวยความสะดวกและปรับปรุงประสิทธิภาพในการส่งมอบรถ BYD ให้กับลูกค้าในประเทศไทย โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการขนส่งทางทะเลและนำเข้าที่ต้องใช้ระยะเวลานานอีกต่อไป