"จีน" ครองแชมป์โอนคอนโดฯ ไทย คาดครึ่งหลังปี 66 ตลาดอสังหาฯเติบโต รับอานิสงส์จีนเปิดประเทศ

        ชาวจีนยังครองแชมป์หอบเงินช้อป ‘คอนโดฯไทย’ ล่าสุด จากการเปิดเผยสถิติการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้ชาวต่างชาติ ตลอด 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย.)ปี 2566 โดยศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ พบว่า ชาวจีนยังคงเป็นสัญชาติที่มีการโอนกรรมสิทธิ์สูงสุด 3,562  หน่วย (คิดเป็น 48.9% จากทั้งหมด 7,290 หน่วย) มูลค่ารวม 17,943 ล้านบาท(คิดเป็น 48.5%จากมูลค่าทั้งหมด 36,986 ล้านบาท)

‍

‍

           สำหรับจังหวัดที่มีการโอนห้องชุดคนต่างชาติสูงสุดใน 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพฯ ชลบุรี สมุทรปราการ ภูเก็ต และ เชียงใหม่ ส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ 3,325 หน่วย คิดเป็น45.6% และชลบุรี 2,155 หน่วย คิดเป็น29.6% รวมกันสูงถึง 75.2% ของทั่วประเทศ

           ขณะที่จังหวัดมีมูลค่าโอนสะสมมากที่สุดใน 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพฯ ชลบุรี ภูเก็ต สมุทรปราการ และ เชียงใหม่ ส่วนใหญ่จะอยู่ในกรุงเทพฯ 25,030 ล้านบาท คิดเป็น 67.7% และชลบุรี 6,181 ล้านบาท คิดเป็น 16.7% รวมมูลค่าสูงถึง 84.4% ของทั่วประเทศ

‍

           สำหรับระดับราคาห้องชุดที่เป็นที่นิยม คือ ห้องชุดราคาไม่เกิน3.00 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับราคาที่ชาวต่างชาติส่วนใหญ่นิยมโอนกรรมสิทธิ์ตั้งแต่ปี 2561 ถึงปัจจุบัน  ขณะที่ขนาดห้องชุดที่เป็นที่นิยมของคนต่างชาติในช่วงไตรมาส3 ปี 2565  คือขนาดพื้นที่ 31 – 60 ตารางเมตร (ประเภท 1 – 2 ห้องนอน)

           ดร.วิชัยวิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ระบุว่า ยอดโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดต่างชาติไตรมาส 3 บ่งชี้การฟื้นตัวที่ดีต่อเนื่อง ทั้งหน่วย มูลค่าและพื้นที่เริ่มกลับมาฟื้นตัว โดยมียอดโอนจำนวน 2,860 หน่วย เพิ่ม 62.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เพิ่มขึ้น 23.1% โดยเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องติดต่อกันมา 4 ไตรมาส

           ทั้งนี้ จากข่าวการเปิดประเทศของจีน คาดว่าจะส่งผลดีอย่างแน่นอนต่อภาคการท่องเที่ยวทันทีแต่สำหรับอสังหาริมทรัพย์ คาดว่าจะได้รับผลดีอย่างชัดเจนในช่วงครึ่งหลังของปี 2566

           "อย่างไรก็ตามการกลับเข้ามาของนักท่องเที่ยวชาวจีนจะนำมาซึ่งการซื้อห้องชุดเท่ากับช่วงก่อนโควิดหรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องติดตามเนื่องจากสัดส่วนของหน่วยและมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ชาวจีนลดลงต่ำกว่าร้อยละ 50 ในปี 2565 จากเดิมเคยมีสัดส่วนสูงสุดถึงกว่าร้อยละ60 ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจของจีนได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ประเทศรวมถึงผลกระทบจากวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีนและนโยบายเศรษฐกิจจีนที่จะมุ่งเน้นการบริโภคในประเทศมากขึ้น" ดร.วิชัย ระบุ

‍