ย้อนรอย 20 ปี ‘หลินฮุ่ย’ ทูตแพนด้าเชื่อมสัมพันธ์ไทย-จีน
29
March
2024
19
April
2023
หากไม่ด่วนจากไปเสียก่อน ปลายปีที่จะถึงนี้ “หลินฮุ่ย” แพนด้ายักษ์ขวัญใจชาวไทยวัย 21 ปี ก็คงจะได้เดินทางกลับไปบ้านเกิดที่ประเทศจีน หลังอยู่ไทยมายาวนานร่วม 20 ปี โดยในวันที่ 12 ต.ค. 2566 จะครบกำหนดสัญญารอบสอง ระยะเวลา 10 ปีที่จีนได้ต่ออายุให้กับไทย
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 12 ต.ค.2546 “หลินฮุ่ย” แพนด้ายักษ์เพศเมีย ได้เดินทางมาถึงไทย พร้อมกับ “ช่วงช่วง” แพนด้ายักษ์เพศผู้ในฐานะทูตสันถวไมตรีไทย-จีน ด้วยเที่ยวบินพิเศษ“เรารักแพนด้า” ของการบินไทย ท่ามกลางพิธีต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ โดยทางการไทยได้จัดสร้างส่วนงานวิจัยและสถานที่จัดแสดงไว้ภายในสวนสัตว์เชียงใหม่
ที่มาของการทูตแพนด้าในไทย
ในปี 2544 พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้เดินทางไปเยือนจีนและได้เริ่มต้นเจรจาขอหมีแพนด้าจากจีนมาอยู่เมืองไทย เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งสัมพันธ์ไมตรีระหว่างสองประเทศ
รัฐบาลจีนยินดีมอบหมีแพนด้า1 คู่ให้ไทย หลังจากนั้นในเดือน ต.ค. 2544 ไทยก็เริ่มมีการเตรียมความพร้อมมีการแจ้งให้คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบ และมอบให้องค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์เตรียมการจัดสร้างส่วนวิจัย และจัดแสดงหมีแพนด้าในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2546
ตามสัญญาเดิมแล้วไทยต้องคืนหมีแพนด้า"ช่วงช่วง" และ "หลินฮุ่ย" ให้กับจีนในปี 2556 ซึ่งครบกำหนดวาระ 10 ปี แต่มีการต่อสัญญารอบใหม่ให้อีก 10 ปี ตั้งแต่เดือนต.ค. 2556 ถึง ต.ค. 2566 แต่ต่อมา "ช่วงช่วง" ได้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 16 ก.ย. 2562 เนื่องจากภาวะหัวใจล้มเหลว ขณะอายุ 19 ปี ก่อนที่"หลินฮุ่ย" จะเสียชีวิตลง ขณะอายุ 21 ปี
‘ช่วงช่วง-หลินฮุ่ย-หลินปิง’
ตำนานเซเลบริตี้ “แพนด้ายักษ์”ขวัญใจชาวไทย
หลินฮุ่ย (ภาษาจีน: 林惠, Lin Hui) เป็นแพนด้ายักษ์เพศเมีย มีชื่อไทยว่า “เทวี” และมีชื่อล้านนาว่า “คำเอื้อย” เกิดเมื่อวันที่ 28 ก.ย. 2544 ที่ศูนย์วิจัยและอนุรักษ์แพนด้ายักษ์เขตอนุรักษ์วู่หลง เมืองเฉินตู มณฑลเสฉวน ประเทศจีน หลินฮุ่ยในวัย 2 ปี ได้เดินทางมาอยู่ที่สวนสัตว์เชียงใหม่เมื่อวันที่ 12 ต.ค. 2546
ต่อมา "หลินฮุ่ย"ได้ให้กำเนิดลูกแพนด้าตัวแรกในเมืองไทยในวันที่ 27 พ.ค. 2552 ตั้งชื่อว่า"หลินปิง" ซึ่งมีความหมายว่า ป่าน้ำแข็งหรือป่าแม่น้ำปิง
การเกิดของ "หลินปิง" ทำให้เกิดกระแส"แพนด้าฟีเวอร์ในไทย" ครอบครัวแพนด้ายักษ์พ่อแม่ลูกได้กลายเป็นเซเลบริตี้ที่ผู้คนเฝ้าติดตาม จนมีรายการ หลินปิง เดอะ เรียลลิตี้ และพัฒนามาเป็นช่องแพนด้า แชนแนล ที่ถ่ายทอดสดชีวิตของหลินปิงแบบเรียลลิตี้ ตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงถ่ายทอดเรื่องราวครอบครัวแพนด้ายักษ์อันประกอบด้วยช่วงช่วง หลินฮุ่ย และหลินปิง เป็นเวลานานถึงเกือบ 3 ปี
"หลินปิง"ได้ถูกส่งกลับไปยังประเทศจีน ตามสัญญา เมื่อวันที่ 28 ก.ย. 2556 จากนั้นได้ให้กำเนิดลูกแฝด 1 คู่ เป็นแพนด้าเพศเมียทั้ง 2 ตัว ในปี 2558 และต่อมายังได้ลูกแฝดอีกเป็นครั้งที่ 2 ในปี 2560 เป็นเพศผู้และเพศเมีย รวมแล้วหลินปิงมีลูก 4 ตัว
ปิดตำนานทูตสันถวไมตรี "แพนด้า" ตัวสุดท้ายของไทย
หลังจากแพนด้าตัวพ่อ “ช่วงช่วง”ลาโลกกลับดาวหมี และแพนด้าตัวลูก “หลินปิง” ลาไทยกลับเสฉวน แผ่นดินจีน จึงเหลือเพียงแพนด้าตัวแม่อย่าง “หลินฮุ่ย” ที่กลายเป็นทูตสันถวไมตรีหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่คู่สวนสัตว์เชียงใหม่ในเมืองไทย
จนกระทั่งช่วงเช้าของวันที่ 19 เม.ย. 2566 ข่าวการจากไปของ "หลินฮุ่ย" ในวัย 21 ปี ได้สร้างความอาลัยให้กับคนไทย และเหล่าคนรักหมี
ตามรายงานของสวนสัตว์เชียงใหม่ ‘หลินฮุ่ย’ แพนด้ายักษ์ ได้เสียชีวิตเมื่อเวลา 01.10 น. ตามเวลาในประเทศไทย โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 18 เม.ย. ทีมพี่เลี้ยงพบ "หลินฮุ่ย" มีเลือดซึมและกำเดาไหลบริเวณจมูกเมื่อเวลา 11.30 น.
จากนั้นสวนสัตว์เชียงใหม่ ได้รายงานตามขั้นตอนให้ฝ่ายบริหารทราบเรื่อง พร้อมประสานไปยังผู้เชี่ยวชาญสมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่าจีน หรือ CWCA และศูนย์อนุรักษ์วิจัยหมีแพนด้า หรือ CCRCGP ที่เฉิงตู เพื่อปรึกษาหารือกับผู้เชี่ยวชาญจีนที่เลี้ยงและรักษาหมีแพนด้า เพื่อติดตามรักษาอย่างใกล้ชิดผ่านออนไลน์ ด้วย Wechat แบบนาทีต่อนาทีตั้งแต่เวลา 11.30 น.
กระทั่งเวลา 01.00 น. วันที่ 19 เม.ย. "หลินฮุ่ย"มีอาการเกร็ง ทีมสัตวแพทย์ได้รักษาตามคำแนะนำของจีนจนสุดความสามารถ ก่อนที่"หลินฮุ่ย"จะจากไปอย่างสงบในเวลา 01.10 น. วันที่ 19 เม.ย.
ถือเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ขององค์การสวนสัตว์ ซึ่งปีนี้เป็นปีสุดท้ายที่ "หลินฮุ่ย" พำนักอยู่เมืองไทย จึงมีการเตรียมแผนร่วมกับรัฐบาลจีนในการส่ง "หลินฮุ่ย"กลับ แต่เกิดเหตุความสูญเสียในครั้งนี้เสียก่อน ปิดตำนานแพนด้าขวัญใจชาวไทยที่ได้สร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับผู้คนทุกเพศทุกวัยมาร่วม 20 ปี
แม้วันนี้ “หลินฮุ่ย”จะจากไปแล้วแต่เรื่องราวของแพนด้ายักษ์ที่น่ารักและแฟมิลี่ ทั้ง “ช่วงช่วง” และ “หลินปิง” จะยังคงอยู่ในใจของคนไทยส่วนใหญ่ไปอีกนานเท่านาน
-------------------------------------------------------------
ที่มาข้อมูล :
https://www.thansettakij.com/lifestyle/travel-shopping/562476
https://www.thaipbs.or.th/news/content/319881
https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/2683418
https://www.prachachat.net/d-life/news-1266910
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_7620183
https://mgronline.com/travel/detail/9620000089328
https://www.matichon.co.th/local/news_3933345