Business

WHA คาดผลประกอบการสูงเป็นประวัติการณ์ ตั้งเป้าปี 2565 เติบโต 20% คึกคักรับการกลับมาของนักลงทุน มั่นใจเติบโตต่อเนื่องและยั่งยืน

7

June

2024

29

September

2022

        บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ WHA Group เผยในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 ทั้งสี่กลุ่มธุรกิจของบริษัทฯเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ได้แก่ กลุ่มโลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรมสาธารณูปโภคและพลังงาน และดิจิทัลแพลตฟอร์ม ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจของประเทศที่เริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวในด้านบวกและแนวโน้มการลงทุนที่สดใส โดยบริษัทฯ มีรายได้และส่วนแบ่งกำไรปกติ อยู่ที่4,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และมีสินทรัพย์รวม ณ วันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2565 รวมมูลค่าทั้งสิ้น 86,400 ล้านบาทโดยคงอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ "A-"

         WHA Group คาดว่า บริษัทฯ จะมีผลประกอบการสูงเป็นประวัติการณ์ในปี2565 ด้วยคาดการณ์อัตราการเติบโตของรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติจะอยู่ที่ร้อยละ 20 และกำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA) เกินร้อยละ40 โดยในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ บริษัทฯ ยังตั้งเป้าที่จะขายสินทรัพย์ขนาด 208,000 ตร.ม. อีกด้วย

         จรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เราจะยังดำเนินการตามแผนโรดแมพการทรานสฟอร์มองค์กรสู่ดิจิทัลในทุกกลุ่มธุรกิจของเราอย่างต่อเนื่อง โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมอัจฉริยะ ควบคู่ไปกับการรักษางบดุลที่แข็งแกร่ง และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นของเราตามแผนกลยุทธ์การเติบโตและการลงทุนระยะเวลา 5 ปี ด้วยงบ 50,000 ล้าน”

แนวโน้มปี2565 และอนาคตเติบโตยั่งยืน

  • กลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์

        คาดว่า ปี 2565 จะเป็นปีแห่งความรุ่งโรจน์ หลังจากผลประกอบการในครึ่งแรกของปีเป็นที่น่าประทับใจ และมีโครงการที่เตรียมส่งมอบในครึ่งหลังของปีอีกหลายโครงการ รวมไปถึงการเปิดตัวอาคารคลังสินค้าและอาคารสำนักงานมูลค่าสูงใหม่ ๆ

        ในครึ่งแรกของปี 2565 กลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ได้ส่งมอบพื้นที่รวม 194,300 ตร.ม. แบ่งออกเป็นโครงการคลังสินค้าใหม่และสัญญาเช่าพื้นที่ใหม่จำนวน 98,200 ตร.ม. และสัญญาเช่าระยะสั้นอีก 96,100 ตร.ม. ทั้งนี้การแพร่ระบาดของโควิด-19 และผลกระทบที่มีต่อพฤติกรรมผู้บริโภค ส่งผลให้เกิดความต้องการเช่าคลังสินค้าระยะสั้นเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะจากธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ธุรกิจจัดส่งสินค้าแบบด่วน รวมไปถึงตัวแทนให้บริการด้านโลจิสติกส์ (3PL)  

        สำหรับในช่วงเวลาที่เหลือของปี 2565 จะมีการส่งมอบโครงการคลังสินค้าใหม่ๆ รวมพื้นที่กว่า 51,000 ตร.ม.  นอกจากนี้ จะมีการเปิดตัวโครงการคลังสินค้าดับบลิวเอชเอเมกกะ โลจิสติกส์ใหม่อีก 2 โครงการ และพื้นที่ส่วนต่อขยายของโครงการดับบลิวเอชเอเมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ เทพารักษ์ กม. 21 (WHA Mega Logistics CenterTheparak KM. 21) รวมพื้นที่ทั้งสิ้นกว่า 420,000ตร.ม.

  • กลุ่มธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม

        ยังคงตอกย้ำตำแหน่งการเป็นผู้นำด้านนิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทย และขยายธุรกิจในเวียดนามให้เติบโตมากขึ้น โดยในครึ่งแรกของปี 2565 บริษัทฯสามารถทำยอดขายที่ดินทั้งในประเทศไทยและเวียดนามได้ถึง 513 ไร่

        ในประเทศไทย WHA เป็นผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมที่มีความพร้อมที่จะต้อนรับนักลงทุน ด้วยพื้นที่อุตสาหกรรมพร้อมขายกว่า 4,250 ไร่ ในทำเลยุทธศาสตร์ บริษัทฯ ได้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอระยอง 36 จนเสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยมีพื้นที่ทั้งหมด 1,281 ไร่ ในขณะที่การก่อสร้างพื้นที่ส่วนขยายของนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเออีสเทิร์นซีบอร์ด4 (WHA ESIE 4) ขนาด 573 ไร่ คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 4ปี 2565  และจะเริ่มก่อสร้างโครงการนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเออินดัสเตรียล เอสเตท ระยอง (WHA IER) ในเดือนตุลาคมนี้

         เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา WHA ยังได้ลงนามในสัญญาซื้อขายที่ดินขนาด 600 ไร่ กับบริษัทบีวายดี (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของจีน ที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอระยอง 36 ซึ่งเป็นการซื้อขายที่ดินครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 20 ปี แสดงให้เห็นว่า นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจกับนิคมอุตสาหกรรมของ WHA อย่างต่อเนื่อ นอกจากนั้น ดีลครั้งนี้ยังยืนยันถึงบทบาทของ WHA ในฐานะบริษัทฯที่มีบทบาทสำคัญในการจัดตั้งคลัสเตอร์ยานยนต์ของประเทศไทยในพื้นที่อีอีซีตลอด 20ปีที่ผ่านมา ตลอดจนเป็นผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมชั้นนำที่สนับสนุนวิสัยทัศน์ของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จนถึงปัจจุบัน WHA มีความภาคภูมิใจในการเป็นที่ตั้งของโรงงานผลิตรถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ถึง 277 รายจากทั่วโลก

        ในประเทศเวียดนาม หลังจากประสบความสำเร็จจากโครงการในจังหวัดเหงะอาน  บริษัทฯยังคงยุทธศาสตร์ในการขยายนิคมอุตสาหกรรมไปยังจังหวัดหลักๆอย่างต่อเนื่อง  โดยในส่วนของเขตอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเออินดัสเตรียล โซน 1 – เหงะอาน เฟส 1 ขนาด 900 ไร่ ได้พัฒนาเสร็จสมบูรณ์แล้ว  โดยพื้นที่ร้อยละ 76 ของเฟสที่ 1 ได้ปล่อยเช่าให้กับลูกค้าในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ อาทิ ชิ้นส่วนยานยนต์ การแปรรูปอาหาร พลังงานแสงอาทิตย์ วัสดุก่อสร้าง และอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศจำนวน 500 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งนับว่ามากที่สุดในจังหวัดเหงะอานทั้งนี้ จากการคาดการณ์ความต้องการที่ดินอุตสาหกรรมที่สูงขึ้น บริษัทฯ จึงเร่งก่อสร้างเฟส 2 ขนาด 2,215 ไร่ ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินการก่อสร้าง

         นอกจากนี้ บริษัทฯ กำลังวางแผนที่จะพัฒนาเขตนิคมอุตสาหกรรมขนาด 5,625 ไร่ รวมส่วนต่อขยายในจังหวัดถั่งหัว ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับ3 ของเวียดนาม และมีทำเลที่ตั้งยุทธศาสตร์ใกล้กับกรุงฮานอยและท่าเรือน้ำลึกแหล็กเฮวี่ยน โดยโครงการ ‘WHA Smart Technology Industrial Zone – Thanh Hoa’ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้เมืองหลักของจังหวัด พร้อมที่จะรองรับความต้องการของนักลงทุนด้านเทคโนโลยีมูลค่าสูงและการขยายโครงการ 'Northern Technology Corridor' ของเวียดนาม

         เมื่อเร็ว ๆ นี้ WHA ยังได้ลงนามบันทึกความเข้าใจสำหรับโครงการนิคมอุตสาหกรรมแห่งที่ 3 ของประเทศเวียดนามในจังหวัดกว๋างนาม บนพื้นที่ขนาด 2,500 ไร่ โดยโครงการ ‘WHASmart Eco Industrial Zone – Quang Nam’ ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ใจกลางภาคกลาง ใกล้จังหวัดดานังและกว๋างหงาย ซึ่งในอนาคตโซนอุตสาหกรรมเชิงนิเวศอัจฉริยะแห่งนี้ ตั้งเป้าที่จะรองรับอุตสาหกรรมไฮเทคสะอาด ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องกล ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ โทรคมนาคม การแพทย์หรือโลจิสติกส์

  • กลุ่มธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงาน

        ด้านสาธารณูปโภค ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์พาวเวอร์ (WHAUP) ยังคงเดินหน้าขยายผลิตภัณฑ์และการบริการอย่างต่อเนื่องโดยเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์น้ำเพิ่มมูลค่า เช่น น้ำอุตสาหกรรมคุณภาพสูง (PremiumClarified Water) และน้ำปราศจากแร่ธาตุ  

        สำหรับประเทศไทย ในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 WHAUP มีปริมาณการจำหน่ายน้ำเพื่ออุตสาหกรรมคุณภาพสูงและการบำบัดน้ำเสีย สูงขึ้นร้อยละ 10 เป็น 62.3 ล้านลูกบาศก์เมตร ในขณะที่ปริมาณการจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำเพิ่มมูลค่าเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 19 เป็น 2.5 ล้านลูกบาศก์เมตร เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และเมื่อเร็ว ๆ นี้ WHAUP ยังได้สร้างโรงผลิตน้ำเพื่ออุตสาหกรรมคุณภาพสูงและโรงบำบัดน้ำเสียแห่งใหม่ในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอระยอง 36 กำลังการผลิตรวม 3.3 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี  

        สำหรับประเทศเวียดนาม WHAUP มีโครงการน้ำที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ 3 โครงการ ผลการดำเนินงานมีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมากถึงร้อยละ22 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของของปี 2565 โดยเพิ่มขึ้นเป็น 12.8 ล้านลูกบาศก์เมตร

        ด้านพลังงาน ดับบลิวเอชเอยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ ยังคงขยายพอร์ทการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ด้วยการพัฒนาโซลูชันพลังงานหมุนเวียนโดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์ โดยในครึ่งแรกของปี 2565 WHAUP มีกำลังการผลิตไฟฟ้าโซลาร์รูฟท็อปตามสัดส่วนการถือหุ้น (Equity MW) จำนวน 62 เมกะวัตต์ ในขณะที่อีก 64 เมกะวัตต์อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 ยังได้มีการลงนามโครงการพลังงานแสงอาทิตย์กับผู้ใช้ในภาคอุตสาหกรรมใหม่อีก 15 โครงการ คิดเป็นกำลังการผลิตรวม 34 เมกะวัตต์

        อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นโซลูชันดิจิทัลที่เป็นนวัตกรรมใหม่ WHAUP ได้ร่วมกับ PTT และ Sertis พัฒนาแพลตฟอร์มการซื้อขายพลังงานแบบ Peer-to-PeerEnergy Trading โดยมีชื่อว่า Renewable Energy Exchange ("RENEX") ซึ่งแพลตฟอร์มดังกล่าว จะช่วยอำนวยความสะดวกในการซื้อขายพลังงานของผู้ใช้ในอุตสาหกรรม  โดยโครงการนี้ได้เข้าร่วมในโครงการ ERC Sandbox ของคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการพลังงาน(ERC) ซึ่งจะช่วยให้บริษัทที่เข้าร่วมโครงการสามารถซื้อขายพลังงานแสงอาทิตย์ระหว่างกันได้อย่างอิสระโดยตรงผ่านโครงข่ายของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค

  • กลุ่มธุรกิจดิจิทัล

        ภายในสิ้นปี 2565 กลุ่มธุรกิจดิจิทัลจะวางไฟเบอร์ออพติคใต้ดิน(FTTx) และพร้อมให้บริการแล้วเสร็จทั้ง 11 นิคมอุตสาหกรรมของ WHA ในประเทศไทย และยังมีการให้บริการเช่าเสาโทรคมนาคมสำหรับติดตั้งอุปกรณ์สำหรับรับและกระจายสัญญาณเครือข่าย3G, 4G, และ 5G ภายในนิคมฯของ WHA โดยจะดำเนินการสร้างเสาโทรคมนาคมจำนวน 8 ต้นภายในปีนี้

        นอกจากนี้ กลุ่มธุริกิจดิจิทัลได้มีการขายสินทรัพย์ประเภทธุรกิจศูนย์บริการระบบข้อมูลสารสนเทศ (Data Center) จำนวน 2แห่ง ในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 โดยสร้างกำไรได้ถึง345 ล้านบาท ปัจจุบัน WHA ยังคงถือหุ้นร้อยละ 15 ใน Supernap  ดาต้าเซ็นเตอร์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานระดับ Tier IV

        ธุรกิจดิจิทัลของ WHA ยังได้พัฒนาโซลูชันดิจิทัลของตัวเองอีกด้วย โดยได้เปิดตัวแอปพลิเคชัน WHAbit เพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพ ซึ่งรวมถึงบริการ Telemedicine   ซึ่งถือเป็นก้าวแรกในอุตสาหกรรมเฮลธ์แคร์ของบริษัทฯ โดยได้จับมือกับโรงพยาบาลสมิติเวช เพื่อส่งเสริมและพัฒนาโซลูชันสำหรับดิจิทัลเฮลธ์แคร์

        ด้วยเป้าหมายที่จะก้าวเป็นบริษัทเทคโนโลยี ในปี 2567 WHA ได้สร้างโรดแมพที่ประกอบด้วยการเปลี่ยนแปลงการดำเนินงาน โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยส่งเสริมนวัตกรรมในสถานที่ทำงาน การปรับเปลี่ยนให้เป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ตลอดจนการสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้พร้อมสำหรับการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล  นอกจากนี้ยังมีการสำรวจเทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อพัฒนารูปแบบธุรกิจใหม่ ๆ โดยมีแผนที่จะเปิดตัว META W เมตะเวิร์สอุตสาหกรรมรายแรกที่ออกแบบมาเพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าและเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของบริษัทในยุคดิจิทัล

        จรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “สำหรับWHA ในปี 2565 เรามองเห็นความก้าวหน้าอยู่ 2 ประการ ประการแรกคือ การเปิดประเทศอีกครั้งและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ตามมา

        ในยุคหลังการแพร่ระบาดของโควิด–19 ทำให้เราได้เห็นการกลับมาของนักลงทุน เห็นได้จากข้อตกลงใหญ่ ๆ และโครงการที่มีมูลค่าเพิ่มต่างๆ ของทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจของดับบลิวเอชเอ ดังนั้น เราจึงมั่นใจได้ว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าหมายของปี 2565 ที่ตั้งไว้ตั้งแต่ต้นปีทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจ รวมถึงการปรับเป้ายอดขายที่ดินขึ้นเป็น 1,650ไร่  

        ประการที่ 2 คือ การดำเนินการตามแผนการลงทุนระยะเวลา5 ปี มูลค่า 50,000 บาท รวมถึงโรดแมพการทรานสฟอร์มองค์กรสู่ดิจิทัล ซึ่งจะปูทางไปสู่ความสำเร็จในระยะยาวของWHA สู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์และก้าวสู่การเป็นบริษัทเทคโนโลยีในอนาคต”

        พร้อมสรุปว่า “WHAพร้อมก้าวสู่อนาคตด้วยความมั่นใจ ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ ที่สั่งสมมาตลอดระยะเวลา30 ปี เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆในปัจจุบันได้เปิดโอกาสใหม่ ๆ มากมาย และเรามุ่งมั่นที่จะคว้าโอกาสเหล่านั้นมาใช้ในกิจกรรมทางธุรกิจ เพื่อประโยชน์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดของบริษัทฯ ทั้งลูกค้า พนักงานผู้ถือหุ้น พันธมิตรทางธุรกิจ ตลอดจนสังคมไทยโดยรวม”

Tags:
No items found.