ในช่วง 2-3ปีที่ผ่านมา ไม่เพียงแต่นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาเที่ยวเมืองไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และใกล้จะทะลุ 10ล้านคนเร็วๆนี้ ซึ่งสร้างรายได้ให้กับภาคการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องมูลค่าหลายหมื่นล้านบาทต่อปี
อีกด้านหนึ่งที่เติบโตตามมาติดๆก็คือ ภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่มีข้อมูลจาก ไป่ตู้ แอคแซส ระบุว่า ในปี 2559 นักลงทุนจีนซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์ในประเทศติด 1 ใน 10 ของโลก โดยติดอันดับ 3 ในเอเชียรองจากญี่ปุ่นและมาเลเซีย ซึ่งมีข้อมูลชี้ว่า มากกว่า 50% เป็นการซื้อเพื่อลงทุนในประเทศไทยรองลงมาคือ ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเกือบ 40% และซื้อเพื่อรองรับการย้ายที่อยู่อาศัยอีกประมาณ 8%
ทั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องจากราคาที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในประเทศจีนมีราคาสูงกว่าไทยถึง 20%
กระตุ้นให้เกิดการตื่นตัวของผู้ประกอบการไทยในการเตรียมที่อยู่อาศัยรองรับตลาดจีนที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเห็นได้ชัดจากความเคลื่อนไหวของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มกิจกรรมทางการตลาดในต่างประเทศกันอย่างคึกคัก
สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องทำควบคู่ไปด้วยคือการศึกษาพฤติกรรมลูกค้าชาวจีน เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะการให้ข้อมูลที่ถูกต้อง และสร้างความน่าเชื่อถือ เพราะคนจีนจะมีการสื่อสารกันอย่างรวดเร็ว หากประทับใจแล้ว จะบอกต่อกันแบบปากต่อปาก
จากทิศทางการลงทุนของคนจีนที่เข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทยปีละกว่า 2หมื่นล้านบาท มากเป็นอันดับ 2 รองแค่ประเทศญี่ปุ่น และมีการคาดการณ์ว่าปีนี้จะเติบโตต่อเนื่องอีกไม่ต่ำกว่า 30% น่าจะเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่จะเร่งพัฒนาโครงการเพื่อรองรับลูกค้ากลุ่มนี้
ส่วนใครจะจับกลุ่มเป้าหมายได้มากน้อยเพียงใด ก็ขึ้นกับจังหวะและโอกาสที่จะเข้าถึงตลาดได้ไวแค่ไหนด้วย
近两三年来,越来越多的中国游客来泰国旅游,今年将达到1000万人次,给泰国旅游行业带来了上百亿泰铢的外汇。
而泰国的房地产行业也从中受益,百度统计数据显示2016年,泰国房地产成交量中,来自中国的买家数量仅次于日本和马来西亚,数据表明,有超过50%的中国买家来泰国买房是出于投资目的,其次40%自己居住,而有8%是为将来到泰国定居做打算。
此外,中国的房地产价格比泰国高出至少20%,这也是促使中国人到泰国买房的原因之一。
这么庞大的中国客户,对泰国企业发展也是一个好的信号,我们也看到现在泰国房产商到国外宣传变得越来越多。
泰国的房地产企业要想将房子卖给中国人,首先要了解中国买房者的心理,才能抓出客户,特别是给买房者提供正确的信息,树立客户信心,如果能树立口碑的话,即可给公司带来大量客户。
今年中国企业到泰国投资将近200亿泰铢,仅次于日本,预计比去年高出30%,这些中国企业来到泰国,未来也会成为房地产的潜在买家,所以泰国房地产商应该加快开发速度,才能抓出客户。
至于能赢得多少的市场份额,那就要就要企业自己能否抓住机遇!