นับตั้งแต่จีนประกาศเดินหน้านโยบาย One Belt One Road หรือเส้นทางสายไหม และมุ่งเน้นการก้าวขึ้นเป็นแกนนำในการสร้างความร่วมมือในการพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศต่างๆ ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกคึกคักไปด้วย
แม้ไทยจะไม่อยู่ในเส้นทางดังกล่าว แต่ถือเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียน ที่มีศักยภาพเชื่อมต่อกับเส้นทางสายไหมได้ทั้งทางบกและทางทะเล
ถือเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะเอสเอ็มอี ที่จะเจาะตลาดการค้าและการส่งออกได้มากขึ้น
จีนเป็นตลาดใหญ่ ที่มีความต้องการสินค้าจำนวนมาก โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไทยมีความได้เปรียบอยู่แล้ว แต่ต้องสำรวจความต้องการสินค้าในแต่ละพื้นที่ด้วย เพราะความต้องการของผู้บริโภคชาวจีนในแต่ละพื้นที่ก็แตกต่างกัน
ผู้ประกอบการหลายรายคุ้นเคยกับการออกบูธแสดงสินค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งบางรายก็ประสบความสำเร็จ และบางรายไม่ได้รับการตอบรับ แต่ไม่ได้หมายความว่า การออกบูธเพียง 1-2 ครั้งจะชี้วัดว่าใครจะไปต่อหรือล้มเหลว
เราต้องเรียนรู้จากประสบการณ์ในแต่ละครั้งมาปรับปรุงคุณภาพสินค้าเพื่อให้โดนใจผู้บริโภค ต้องปรับวิธีคิดจาก “ท้อถอย” เป็น “ท้าทาย”
เมื่อไหร่ที่ตอบโจทย์ได้ถูกต้อง ก็พร้อมที่จะก้าวสู่ความสำเร็จได้ไม่ยาก
中国宣布“一带一路”政策以来,积极推动该政策实施,提倡各国加强经济合作,推动全球经济增长。
虽然泰国并不在“一带一路”规划线路主干道上,但是作为东盟国家的中心,泰国有发展潜力,并且可以连接到海上丝绸之路和陆上丝绸之路。
这是泰国企业的机会,尤其是中小型企业,希望通过与中国的合作,开拓国际市场和出口贸易业务。
中国是一个大市场,有巨大的市场需求,特别是消费品,在这方面泰国商品有一定的优势,但是也要调查好各地市场需求,因为中国每一个地方的消费者需求不一样。
相信很多企业有参加国内外商品展销会的经验,有的人取得成功,不少人也没有得到市场回应。但是不意味着参加1、2次展会,就能证明您的产品是成功的还是失败的。
我们要通过不断学习改进我们的产品,抓住消费者的心,所以请转变思路,不要轻易放弃,而是要迎难而上。
只要能发现并满足市场需求,离成功也就不远了!