หลังจากมีการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 3 ปีนี้ของจีน ที่ขยายตัว 6.5% สร้างความกังวลต่อภาคธุรกิจไม่น้อย เพราะถือเป็นอัตราการเติบโตที่ต่ำสุดนับตั้งแต่ไตรมาสแรกปี 2009 หรือในรอบ 10ปีเลยทีเดียวถือเป็นการส่งสัญญาณว่าทิศทางเศรษฐกิจจีนอาจไม่สดใสอย่างที่เคยมองไว้เมื่อต้นปีที่ผ่านมา
ปฏิเสธไม่ได้ว่า จีนกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายทางเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะผลพวงจากสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ ที่ดูเหมือนจะสั่นคลอนภาวะเศรษฐกิจของทั้งสองยักษ์ใหญ่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
หลายฝ่ายประเมินว่า จีนกำลังชั่งน้ำหนักการดึงเม็ดเงินกลับเข้าประเทศเพื่อเพิ่มสภาพคล่องและเสริมทัพเพื่อรับมือกับสงครามการค้ารอบนี้จากช่วงหลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลจีนส่งเสริมและสนับสนุนให้โยกเงินลงทุนออกไปลงทุนตามประเทศต่างๆ เพื่อเชื่อมโยงการค้าการลงทุนระหว่างจีนกับเศรษฐกิจโลก เพื่อก้าวสู่การเป็นมหาอำนาจอย่างเต็มตัว ภายใต้ยุทธศาสตร์ One Belt One Road
ไทยในฐานะคู่ค้าของทั้งสองประเทศ ต้อง “ไหวตัว” และ “ตั้งรับ” ให้ดีอย่าลืมว่า ในวิกฤตย่อมมีโอกาสเสมอ ขอเพียงเกาะติดสถานการณ์และดูทิศทางลมให้ดี
การเป็นซัพพลายเชนให้กับจีน เพื่อนำไปผลิตสินค้าส่งออกไปสหรัฐฯอีกทอดหนึ่ง อาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์เช่นนี้ แต่แทนที่จะรอให้ผลกระทบมาถึงตัว ก็ควรเบนเข็มไปหาตลาดอื่นรองรับสินค้าชนิดเดียวกันซึ่งมีตลาดอีกกว้างใหญ่
ขอแค่อย่ารอให้ทุกอย่างสุกงอม ก็ไม่มีคำว่า..สายเกินไป
นิตยสาร TAP ฉบับนี้ มีมุมมองการวิเคราะห์สงครามการค้าครั้งนี้ ที่น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้อ่าน และเรื่องราวดีๆ ที่ชวนติดตามเช่นเคย
พร้อมแล้ว...ก็พลิกไปอ่านกันได้เลยค่ะ
在中国公布今年第三季度GDP同比增长6.5%后,给经济领域带来不小的担忧。6.5%的增速回落至自2009年第一季度后10年的新低。
这也释放出可能不像2018年年初预测的中国经济走向明朗的信号。
不可否认,中国经济发展正面临明显挑战,特别是看似对中美两大经济体系造成动摇的贸易战所带来的影响。
多方评估认为,为应对贸易战,中国正在适当拉动资金以增加市场流通性和供应量。多年以来,中国政府支持和促进企业对外投资,目的是将中国和世界经济连接起来,全面成为在“一带一路”战略下的引导者。
泰国作为中美两国的贸易合作伙伴,需要学会进退自如。
别忘了在危机中,机会无处不在,只需密切关注局势和动向。
作为中国的供应链,生产某种产品出口到美国,可能也会遭到同样的影响,但是勿要等到那时,应该也去寻找该种产品的其他市场,为此还有很大的市场空间。
不要等到一切都成为定局,那么就不会存在“太晚”的说法了。
本期东盟博览杂志将对此次贸易战进行分析,可能会给各位读者带来帮助,敬请关注!
准备好了……一起来阅读吧!